นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู พาวเวอร์ (BPP) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังนี้ยังคงมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง ตามความต้องการใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะการใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนที่ปรับตัวขึ้น จากการทำงานจากที่บ้าน (Work from home) เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกทั้งภาคการผลิตเพื่อส่งออกขยายตัวได้ดีมาก
ปัจจุบัน บริษัทยังคงจ่ายไฟฟ้าได้ตามปกติ โดยมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนที่ 2,840 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โครงการโรงไฟฟ้าในประเทศไทย 717 เมกะวัตต์ สปป.ลาว 751 เมกะวัตต์ จีน 1,112.3 เมกะวัตต์ เวียดนาม 38 เมกะวัตต์ ญี่ปุ่น 161 เมกะวัตต์ และ ออสเตรเลีย 33 เมกะวัตต์
ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทเตรียมจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มเติม เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลมหวินเจา (Vinh Chau) ระยะที่ 1 ในเวียดนาม กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ เริ่ม COD ไตรมาส 3/64, โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เคเซนนุมะ (Kesennuma) กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ และ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชิราคาวะ (Shirakawa) กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ได้ในช่วงไตรมาส 4/64
บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาเข้าซื้อกิจการอีกหลายโครงการในหลากหลายประเทศ ทั้งในสหรัฐฯ เวียดนาม ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น เป็นต้น คาดหวังว่าจะมีโครงการใหม่ๆ ที่เข้ามาเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลัง 64 นี้ โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการทำ Due Diligence โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐ กำลังผลิต 700-1,200 เมกะวัตต์ และยังมีโครงการที่มีโอกาสเข้าลงทุนอีก 2-3 โครงการด้วย
"เรายังคงเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าซื้อกิจการ และการพัฒนาโครงการด้วยตนเอง โดยบริษัทเน้นไปในประเทศที่ บมจ.บ้านปู (BANPU) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ได้เข้าไปดำเนินกิจการไว้ก่อนแล้ว เพื่อที่จะเป็นฐานในการขยายกิจการของบริษัทได้เข้มแข็ง โดยบริษัทได้ดำเนินกลยุทธ์ให้มีทีมงานประจำอยู่ในทุกๆประเทศที่มีโอกาสการขยายกิจการ ส่งผลให้บริษัทสามารถเข้าซื้อกิจการได้แม้ว่าจะมีผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ก็ตาม"นายกิรณ กล่าว
ทิศทางหลักในการขยายกิจการของบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับไฟฟ้าพลังงานทดแทนในรูปแบบต่างๆอย่างต่อเนื่อง โดยในอนาคตยังคงเป็นเทรนด์ที่ทุกๆประเทศเดินไปเพื่อที่จะลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน และยังมีการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า รถจักยานยนต์ไฟฟ้าที่จะเข้ามาหนุนความต้องการใช้ไฟฟ้าให้ปรับตัวสูงขึ้นอีกด้วย