โบรกเกอร์แนะ "ซื้อ" หุ้น บมจ.ซันสวีท (SUN) เล็งผลดำเนินงานไตรมาส 3/64 โดดเด่น จากยอดขายเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศทุกผลิตภัณฑ์ และได้รับผลดีบาทอ่อนค่า โดยบริษัทฯปรับตัวด้านการผลิตและการควบคุมต้นทุนได้ดี ขณะเดียวกันยังใช้กำลังการผลิตมากขึ้นหนุนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ บริษัทยังขยายตลาด Modern Trade ในประเทศมากขึ้น ด้วยการเพิ่มสินค้า Ready to Eat เช่น มันหวาน, มันส้ม, มันม่วง, ถั่วลายเสือ, ข้าวโพดหวาน, ซุปข้าวโพด โรงงานใหม่แล้วเสร็จไตรมาส 2/64 เริ่มเข้ามารับรู้รายได้เต็มที่ในไตรมาส 3/64
บริษัทยังอยู่ระหว่างการพัฒนาปลูกพืชมูลค่าสูงราว 340 ไร่ทั้งกัญชง ธัญพืช กระท่อม ฟ้าทะลายโจร มันหวาน และผักปลอดสารพิษ เป็นต้น โดยธุรกิจกัญชงขอรับใบอนุญาตนำเข้า-ปลูก รวมถึงตั้งโรงสกัด
หุ้น SUN ปิดเช้าที่ 8.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+2.94%) ขณะที่ดัชนี SET ปิดเช้าลบ 4.77 จุด
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เคทีบีเอสที ซื้อ 10.00 ทรีนีตี้ ซื้อ 9.10 หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 8.00
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที เปิดเผยว่า คาดกำไรปกติของ SUN ในช่วงไตรมาส 2/64 จะเติบโตได้ดี และไตรมาส 3/64 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ ด้วยยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศทุกผลิตภัณฑ์ และทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง
หลังจากที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาบริษัทได้มีการปรับตัวมาอย่างมากในด้านการผลิตและการควบคุมต้นทุนที่ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังใช้กำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้น หนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทใช้ระบบ contact farming ที่มีเครือข่ายเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดหวานใหญ่สุดในประเทศมากกว่า 100,000 ไร่ อีกทั้งยังมีกลุ่มลูกค้ากระจายอยู่กว่า 50 ประเทศทั่วโลก
ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้ขยายตลาดไปยังการจำหน่ายไปยัง Modern Trade ในประเทศมากยิ่งขึ้น โดยการเพิ่มสินค้า Ready to Eat เช่น มันหวาน, มันส้ม, มันม่วง, ถั่วลายเสือ, ข้าวโพดหวาน, ซุปข้าวโพด ที่จะเข้ามาช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทเพิ่มเติม ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 9% ของรายได้รวม การขยายตัวของสังคมเมืองช่วยหนุนการเติบโตรายได้กลุ่ม Ready to Eat ส่งผลให้บริษัทขยายกำลังการผลิตรวมเป็น 100,000 ชิ้นต่อวัน จากเดิม 70,000 ชิ้นต่อวัน เริ่มเดินเครื่องผลิตปลาย มิ.ย.64 นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการพัฒนาปลูกพืชมูลค่าสูงพื้นที่ราว 340 ไร่ อาทิเช่น กัญชง ธัญพืช กระท่อม ฟ้าทะลายโจร มันหวาน แลัผักปลอดสารพิษ เป็นต้น โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอใบอนญาตนำเข้าเมล็ด-ปลูกกัญชง โรงสกัดสารกัญชา-CBD "หลังจากที่เข้าตลาดมาได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง บริษัทปรับตัวปรับการผลิตมาค่อนข้างมาก ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นมาต่อเนื่อง ในขณะที่ปีนี้ปริมาณการขายก็ปรับตัวสูงขึ้น และบริษัทยังได้เพิ่มช่องทางการขายในประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาเองก็ถือว่าลงทุนได้ ซึ่งทิศทางผลประกอบการปกติในช่วงไตรมาส 2/64 จะออกมาได้ค่อนข้างดี"นายมงคล กล่าว ด้าน บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯคาดผลการดำเนินงาน SUN จะโดดเด่นในช่วงไตรมาส 3/2564 เนื่องจากโดยปกติช่วงไตรมาส 3 เป็นฤดูฝน พืชผลทางการเกษตรให้ผลผลิตอุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง นอกจากนี้มองว่าเป็นธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากโควิด-19 เนื่องจากผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานของบริษัทสามารถเก็บไว้บริโภคได้นาน ประกอบกับการส่งออกต่างประเทศทำได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ธุรกิจในประเทศ ที่มีสัดส่วน 20% ของยอดขาย คาดได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์เพียงเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มลูกค้า HoReCa ในประเทศมีเพียงราว 1.5% ของยอดขาย แต่อาจกระทบจากการที่ช่วงเวลาการเปิดทำการของร้านสะดวกซื้อลดลง เนื่องจากบริษัทมีผลิตภัณฑ์ Ready-to-eat คิดเป็นสัดส่วนราว 9-10% ของยอดขาย โดยการผลิตปัจจุบันราว 70,000 ถึง 80,000 ชิ้นต่อวัน เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนราวเท่าตัว หลัง Mini Factory เสร็จเรียบร้อย นอกจากนี้ โครงการผลิต Biogas จากการบำบัดน้ำเสียและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เริ่มก่อสร้างเมื่อ เม.ย.64 ณ ปัจจุบันมีความคืบหน้าราว 40% คาดแล้วเสร็จช่วง ธ.ค. 64 ถึง ม.ค. 65 ซึ่งจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ในการผลิตภายในโรงงาน ซึ่งบริษัทคาดว่าจะช่วยประหยัดค่าไฟได้ราว 2 ล้านบาทต่อเดือน หรือราว 24 ล้านบาทต่อปี จากปัจจุบันใช้ค่าไฟฟ้าราว 4 ล้านบาทต่อเดือน ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มสูงขึ้น ทั้งนี้ บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.02 เท่า แทบไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย โดยมีสถานะทางการเงินเป็น Net Cash จึงพร้อมต่อยอดการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังจากหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทและตามกฎหมาย ส่วน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุคาดว่า กำไรปกกติไตรมาส 2/64 จะเติบโตได้ 41.1% จากไตรมาส 1/64 จากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นหลังเริ่มเข้าฤดูเก็บเกี่ยว และคำสั่งซื้อจากต่างประเทศยังเพิ่มขึ้นต่อจากทั้งลูกค้ารายเก่า และรายใหม่ นอกจากนี้ โรงงานใหม่สำหรับผลิตสินค้าพร้อมรับประทานที่แล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2/64 จะเข้ามารับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/64 เต็มไตรมาส ซึ่งจะส่งผลให้ทิศทางผลประกอบการในปี 65 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากสินค้ากลุ่มพร้อมรับประทาน และยังมีการเติบโตเพิ่มจากธุรกิจกัญชงที่ปัจจุบันรอใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)