นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) กล่าวว่า แนวโน้มผลงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 64 คาดว่าจะยังคล้ายกับช่วงครึ่งปีแรก โดยได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ของ IVL ที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องจากการเปิดตัวการท่องเที่ยวด้วยการได้รับวัคซีนและมีภูมิคุ้มกันในวงกว้าง
บริษัทคาดว่าปริมาณการผลิตของกลุ่มธุรกิจ IOD จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการเริ่มดำเนินงานของ Lake Charles (IVOL) หลังจากหยุดดำเนินงานชั่วคราวในเดือนก.ค. 63 เนื่องจากเหตุการณ์ฟ้าผ่า และมีอัตรากำไรเพิ่มขึ้นข้อได้เปรียบของ Shale Gas ที่แข็งแกร่ง ธุรกิจ Oxyfuel ของเรากลับมาทำกำไรด้วยแรงหนุนจากการเดินทางที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพตลาดน้ำมันดิบที่แข็งแกร่ง
สำหรับอัตรากำไรของ Integrated PET คาดว่าจะปรับตัวจากการที่อุปทานเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์เริ่มคลี่คลายในช่วงปลายปีที่ผ่านมาและการขาดแคลน semiconductor ทำให้อุปสงค์ของผู้บริโภคในกลุ่มธุรกิจ Fibers ชะลอตัว และราคาที่สูงขึ้นของโพลีโพรพิลีนนำไปสู่การส่งผ่านที่ล่าช้าในกลุ่มธุรกิจ Hygiene
"ในภาพรวมบริษัทมองเห็นความแข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปี 64 และปี 65 ซึ่งคาดว่าจะรายงานผลการดำเนินงานสูงกว่าที่ได้นำเสนอใน Capital Market Day เมื่อเดือนม.ค. 65"นายอาลก กล่าว
ส่วนในไตรมาสที่ 2/64 บริษัทได้ประกาศการพัฒนาที่สาคัญ 3 ประการบนเส้นทางแห่งความยั่งยืนของบริษัท โดที่ได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ใช้ในการผลิตเม็ดพลาสติก PET รีไซเคิลของบริษัท CarbonLite ในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งโรงงานแห่งนี้สามารถรีไซเคิลขวด PET ได้มากกว่า 3 พันล้านขวด/ปี ซึ่งทำให้บริษัทเข้าใกล้เป้าหมายในการรีไซเคิลขวด PET จำนวน 5 หมื่นล้านขวด/ปี ภายในปี 68
อีกทั้งบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก PET ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งผลิตโดยใช้พลังงานหมุนเวียน วัตถุดิบที่มาจากท้องถิ่น และการขนส่งทางน้ำที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเปิดตัวภายใต้แบรนด์ Deja ซึ่งเป็นแบรนด์สำหรับผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนของไอวีแอล พร้อมทั้งได้ประกาศสร้างโรงงานรีไซเคิลที่ Karawang ประเทศอินโดนีเซีย โดยจะสามารถรีไซเคิลขวด PET ได้มากกว่า 2 พันล้านขวด/ปี เพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการด้านขยะพลาสติกแห่งชาติของรัฐบาลอินโดนีเซีย
ผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับไตรมาส 2/64 ที่ผ่านมา บริษัทมี Core EBITDA เท่ากับ 477 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการดำเนินทั่วโลก รวมทั้งขนาดและการเป็นผู้นำของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ผลการดำเนินงานรายไตรมาสแสดงถึงรายได้จากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในทุกภูมิภาค โดย Core EBITDA ในทวีปอเมริกาและยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) เพิ่มขึ้น 59% ในครึ่งแรกของปี 64 เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 63 ในขณะที่ทวีปเอเชียเพิ่มขึ้น 15% ในปี 63 ธุรกิจของบริษัทได้ผ่านบททดสอบความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ต่างๆ และในครึ่งแรกของปี 64 ได้แสดงให้เห็นการสร้างมูลค่าจากโครงสร้างธุรกิจ
ส่วนอุปสงค์สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทยังคงแข็งแกร่งในทุกกลุ่มธุรกิจและทุกภูมิภาค บริษัทมีอัตรากำไรที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์ โดยได้ประโยชน์จากรูปแบบการดำเนินงานแบบบูรณาการและความได้เปรียบของห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาค ซึ่งชดเชยกับอุปสรรคในระบบนิเวศน์ เช่น การขาดแคลนวัตถุดิบหลักและข้อจำกัดด้านการขนส่ง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ทีมผู้บริหารของไอวีแอลได้แสดงถึงความคล่องตัวในการกำหนดทิศทางการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบ และให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณค่าให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
"ในช่วงการแพร่ระบาด เราได้เร่งดำเนินโครงการปรับเปลี่ยนและพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อเตรียมองค์กรให้พร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต และตอนนี้เราเริ่มเห็นผลลัพธ์จากการดำเนินโครงการเหล่านั้นในช่วงเวลาที่โครงการฉีดวัคซีนทั่วโลกกำลังส่งผลให้เกิดการฟื้นตัว เรายังคงได้รับประโยชน์จากแรงหนุนทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากอุปสงค์และกำไรที่แข็งแกร่ง ทุกๆการลงทุนของเราที่ได้ลงทุนไปล้วนเข้ามาขับเคลื่อนบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี 64 และนับต่อจากนั้นในฐานะบริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และปรับตัวได้ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน"นายอาลก กล่าว