นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า ภายหลังจากที่ GULF ทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด (Tender Offer) ตามความสมัครใจเพื่อเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ INTUCH ที่ราคา 65.00 บาท/หุ้น สิ้นสุดวันที่ 4 ส.ค.64
ปรากฎว่ามีผู้แสดงเจตนาขายหุ้นสามัญ INTUCH จำนวน 747,874,638 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 23.32% ซึ่งบริษัทรับซื้อไว้ทั้งหมด โดยใช้เงินจำนวน 48,600 ล้านบาท ซึ่งการเป็นกู้เงินผ่าน 6 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงไทย
ดังนั้น เมื่อรวมกับจำนวนหุ้นที่บริษัทถืออยู่ 606,878,314 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 18.93% ทำให้บริษัทมีจำนวนหุ้น INTUCH รวม 1,354,752,952 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 42.25%
นางสาวยุพาพิน กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถเริ่มบันทึกผลประกอบการของ INTUCH เข้ามาได้ในช่วงไตรมาส 3/64 เป็นต้นไป รวมถึงจะได้รับเงินปันผลจาก INTUCH ที่ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 1.23 บาท รวมทั้งสิ้น 1.6 พันล้านบาทในวันที่ 2 ก.ย.นี้ด้วย
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานของ GULF ในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทคาดว่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากมีแผนจะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ เอสอาร์ซี (GSRC) กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 662.5 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำหนด COD หน่วยที่ 2 ในเดือน ต.ค.64 และโครงการแม่โขง ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 128 เมกะวัตต์ในเวียดนาม จะเริ่ม COD ในเดือนต.ค.นี้ด้วยเช่นกัน
"การ COD โรงไฟฟ้าในครึ่งปีหลัง ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันรายได้ให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 50% ในปีนี้"นางสาวยุพาพิน กล่าว
บริษัทยังมีแผนซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เช่น ยุโรป สหรัฐ โดยจะมุ่งเน้นไปที่โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเป็นหลัก เช่น พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม, Offshore Wind Farm เป็นต้น ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนไม่ต่ำกว่า 30% ภายในปี 73 จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนราว 6-7%