นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 64 ที่ 2.45 หมื่นล้านบาท และปริมาณขายที่ 4.4 แสนตัน เนื่องจากมีความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถรองรับยอดขายและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าจากสิงคโปร์และอินเดีย ประกอบกับราคายางปรับขึ้นต่อเนื่อง และได้ลูกค้าใหม่เพิ่มหลายราย
ขณะที่ในช่วงปลายปี 64 บริษัทฯ ก็มีแผนจะขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 50,000 ตัน เป็น 510,000 ตัน โดยจะลงทุนซื้อเครื่องจักรประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อรองรับลูกค้าทั้งรายใหม่และรายเก่าที่ต้องการสั่งสินค้าเพิ่มขึ้น ด้านเครื่องจักรผลิตแผ่นยางปูรองนอนสัตว์ บริษัทฯ คาดว่าจะนำเข้ามาติดตั้งในช่วงปลายปี 64 ซึ่งบริษัทคาดจะรับรู้รายได้จากธุรกิจนี้ในปี 2565 ที่ 2.8% ของประมาณการณ์ ซึ่งบริษัทจะสามารถขยายตลาดและสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.64 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 11,252.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,605.88 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายรวม 5,646.76 ล้านบาท หรือคิดเป็น 99.28% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 805. 34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 520.55 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 284.79 หรือคิดเป็น 182.79%
ด้านปริมาณการขายยางพาราสำหรับงวด 6 เดือนอยู่ที่ 205,954 ตัน เพิ่มขึ้น 78,622 ตัน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ หรือคิดเป็น 61.75 % แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 7,568.88 ล้านบาท หรือคิดเป็น 67.26% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 4,457.92 ล้านบาท หรือ 143.30% รายได้จากการขายต่างประเทศ 3,683.76 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32.74% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 1,147.96 ล้านบาท หรือ 45.27%
การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายเป็นผลมาจากปริมาณคำสั่งซื้อลูกค้าในประเทศและการส่งมอบจากกลุ่มลูกค้าโรงงานผลิตยางรถยนต์จีนที่ยังคงสูงอยู่ โดยจะเห็นจากสัดส่วนผลิตภัณฑ์ยางแท่ง STR ที่สูงขึ้น ทำให้บริษัทเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตในส่วนโรงงานยางแท่ง แห่งที่ 2 ส่งผลให้มีปริมาณขายเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยในไตรมาส 2/64 สูงกว่าไตรมาส 2/63 ซึ่งเมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน