นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังคง Sideway โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด แนะจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิดซึ่งจะทยอยประกาศภายในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะปรับตัวลดลง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังมีความอ่อนไหวต่อประเด็นการรับวัคซีน
อีกทั้งทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค.64 ลดลงต่อเป็นเดือนที่ 4 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือนจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลายและกระจายวงกว้างไปทั่วประเทศ การแพร่ระบาดในโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งทำให้กำลังการผลิตลดลง เนื่องจากแรงงานต้องกักตัวทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งโรงงานบางแห่งต้องปิดชั่วคราวเพื่อทำความสะอาด และที่สำคัญแรงงานในภาคอุตสาหกรรมยังได้รับวัคซีนในสัดส่วนที่น้อย
ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศก็ยังร้อนระอุ โดยจะมีการนัดชุมนุมทางการเมืองในรูปแบบคาร์ม็อบยกระดับปราศรัยไล่นายกฯ พร้อมกันทั่วไทยวันที่ 15 ส.ค.นี้ จึงคาดการณ์กรอบเคลื่อนไหวของดัชนี 1,510-1,570 จุด
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ทางสหรัฐได้เปิดเผยจำนวนติดเชื้อโควิด-19 เฉลี่ยในรอบ 7 วันเพิ่มสูงกว่า 100,000 รายต่อวัน เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา ส่วนใหญ่ตรวจพบในกลุ่มประชากรที่ยังไม่ฉีดวัคซีน
นางสาววิลาสินี กล่าวอีกว่า ยังคงต้องจับตาปัจจัยต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย อาทิ การรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนภายในวันที่ 16 ส.ค.นี้เป็นวันสุดท้าย ด้านสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) จะแถลงตัวเลข GDP ในไตรมาส 2/64 และทางศูนย์บริหารสถานการณืโควิด-19 (ศบค.) จะทบทวนมาตรการล็อคดาวน์ 29 จังหวัดสีแดงเข้มรอบใหม่ในวันที่ 18 ส.ค. ส่วนสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วาระ 2-3
ด้านปัจจัยต่างประเทศ อาทิ ทางสหภาพยุโรป (อียู) จะรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจขั้นต้นเดือน ส.ค. และสหรัฐรายงานดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อม อัตราเงินเฟ้อ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ก.ค. รวมทั้งสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และในช่วงปลายเดือน ส.ค.64 ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการจัดการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/64 ออกมาดี ได้แก่ WICE, AS, BCH, LANNA, SPALI, XO และCKP และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 3 ปี ส่งผลดีต่อสินค้าส่งออกของไทย ได้แก่ AH, SAT, NER, STA, KCE, HANA, SMTและ ASIAN
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาทองคำโลกในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มผันผวนจากความกังวลในการปรับลดวงเงิน QE ของเฟดในการประชุมเดือน ส.ค.-ก.ย.เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำในระยะกลาง ฝ่ายวิจัยประเมินกรอบทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,700-1,760 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ โดยแนะนำให้หาจังหวะ Short เมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้าน จากความกังวลการปรับลดวงเงิน QE