(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 6.26 จุดก่อนสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 5, 2007 06:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่จะไม่ออกมาสูงเกินไปจนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลังเลที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับขึ้น 6.26 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 13,974.31 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 3.25 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 1,542.84 จุด และดัชนี Nasdaq บวกขึ้น 4.14 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 2,733.57 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 2.66 พันล้านหุ้น ลดลงเมื่อเทียบกับวันพุธที่ 3.06 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 3
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สหรัฐจะมีตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 100,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ปรับตัวลดลง 4,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
เมื่อวานนี้ ADP ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้บริการด้านข้อมูลจ้างงานของสหรัฐเปิดเผยว่าภาคเอกชนในสหรัฐมีการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้น 58,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 55,000-60,000 ตำแหน่ง
นายอลัน เกล นักวิเคราะห์จากทรัสโก แคปิตอล เมเนจเมนท์กล่าวว่า "ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเฟดจะตัดสินใจอย่างไรเรื่องอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่เฟดได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 0.50% ภายหลังจากตัวเลขจ้างงานประระจำเดือนส.ค.ร่วงลงเกินคาด"
"นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการเห็นตัวเลขจ้างงานปรับตัวสูงขึ้นในระดับที่สะท้อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่อยากให้ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากเกินไปจนทำให้เฟดลังเลที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก โดยเฟดจะประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 30-31 ต.ค.นี้" นายเกลกล่าว
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากการแสดงความคิดเห็นของนายริชาร์ด ฟิสเชอร์ ผู้ว่าการเฟดสาขาริชมอนด์ที่ระบุว่า แม้ตลาดสินเชื่อเริ่มมีเสถียรภาพขึ้นบ้างแล้วหลังจากตกอยู่ในภาวะวิกฤติเมื่อเดือนส.ค. แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับหลักทรัพย์ที่ใช้สินทรัพย์ค้ำประกันนั้น "ยังคงมีอยู่" ซึ่งหลักทรัพย์ประเภทนี้รวมถึงหลักทรัพย์ที่ใช้คำประกันเงินกู้ในตลาดซับไพรม์
นอกจากนี้ ตลาดได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กที่พุ่งขึ้น 1.50 ดอลลาร์ แตะระดับ 81.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าปริมาณพลังงานในสหรัฐอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ทั้งนี้ หุ้นแบร์ สเติร์นส์ ร่วงลง 67 เซนต์ ปิดที่ 127.61 ดอลลาร์ หลังจากแบร์ สเติร์นส์ ประกาศลดจำนวนพนักงาน 310 ตำแหน่งเนื่องจากบริษัทประสบภาวะขาดทุนในตลาดปล่อยกู้จำนอง
ส่วนหุ้นเมอร์ริล ลินช์ ดิ่งลง 1.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.78 ดอลลาร์ หลังจากนักวิเคราะห์ของซีไอบีซี เวิลด์ มาร์เก็ตส์ ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของเมอร์ริล ลินช์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ