นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 64 คาดว่าจะรักษาการเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มการขยายตัวของตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากแบรนด์สินค้า ช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในหลายๆประเทศ
สำหรับตลาดในประเทศ บริษัทมีแผนทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Functional Drink รวมถึงสร้างสีสันให้กับตลาดอาหารและเครื่องดื่มด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อกระตุ้นให้ตลาดกลับมาคึกคักไม่แพ้ช่วงครึ่งปีแรก โดยคาดว่าผลการดำเนินงานปี 64 บริษัทจะสามารถผลักดันรายได้ให้เติบโตได้ 10-15% ตามเป้าหมาย
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 2/64 ถือเป็นปีที่บริษัทมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวม 960.5 ล้านบาท เติบโต 31.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 728.2 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตแม้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยตลาดต่างประเทศกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยอัตราการเติบโต 52.0% จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนจากกำลังซื้อของผู้บริโภคหลังจากประชาชนทยอยเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยภูมิภาคที่เติบโตโดดเด่นได้แก่ ตะวันออกกลาง ยุโรป และ อเมริกา ที่ถึงแม้มีอุปสรรค์ด้านค่าระวางการขนส่งสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการเข้าไปบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด
สำหรับตลาดในประเทศ ไตรมาสนี้ได้มีการลงนาม MOA โครงการส่งเสริมการปลูกพืชกัญชงกับ บจ.ไทย เฮมพ์ เวลเนส เพื่อเตรียมพร้อมรับเทรนด์กัญชงแล้ว SAPPE ยังได้ปรับแผนเชิงรุกเพื่อขยายตลาดในประเทศโดยเดินหน้าออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบรับกระแสรักสุขภาพของผู้บริโภค อาทิ เครื่องดื่มเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ กรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม, เครื่องดื่มน้ำสมุนไพร ตะขาบห้าตัว Sappe x Takaab, เครื่องดื่มสมุนไพรแบบช็อตรูบี้ เลดี้, กาแฟเพรียว คอฟฟี่ สูตรใหม่ คอลลาเจน ไทพ์ทู, แม็กซ์ทีฟ กาแฟถังเช่าสายพันธุ์ทิเบตผสมวิตามินบีรวม และในกลุ่มขนมขบเคี้ยว เช่น ลูกอมครูเพ็ญศรี โดยร่วมมือกับพันธมิตร Sappe x Workpoint ทำให้มีโมเมนตัมในตลาดอาหารและเครื่อมดื่มมากขึ้น
ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 125.2 ล้านบาท เติบโต 53.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 81.6 ล้านบาท อันเป็นผลมาจาก ยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น และการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ส่งผลให้สามารถรับรู้รายได้และกำไรเข้ามาเพิ่มมากขึ้น