(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: คาดเฟดลดดอกเบี้ย หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 63.56 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 30, 2007 06:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนไม่ให้ความสนใจต่อราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่กลับให้น้ำหนักกับกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งในการประชุมสัปดาห์นี้ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น 
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 63.56 จุด หรือ 0.46% แตะระดับ 13,870.26 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดดีดขึ้น 5.70 จุด หรือ 0.37% แตะระดับ 1,540.98 และ ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 13.25 จุด หรือ 0.47% แตะระดับ 2,817.44 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.22 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.04 พันล้านหุ้น
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะประชุมร่วมกันในวันที่ 30-31 ต.ค.นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย. เพื่อกอบกู้เศรษฐกิจสหรัฐไม่ให้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อมากนัก
นายสก็อต เวร็น นักวิเคราะห์จากบริษัทเอจี เอ็ดเวิร์ด แอนด์ ซันส์ กล่าวว่า นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย มากกว่าจะให้ความสำคัญกับราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อันเนื่องมาจากพายุได้พัดกระหน่ำเม็กซิโก จนเป็นเหตุให้บริษัทน้ำมันแห่งหนึ่งของเม็กซิโกประกาศปิดโรงกลั่นน้ำมัน 1 ใน 5 แห่ง
"ต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยทางจิตวิทยาอย่างแท้จริง ความรู้สึกของนักลงทุนในขณะนี้อ่อนไหวไปตามกระแสคาดการณ์เรื่องอัตราดอกเบี้ยของเฟด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเรดิโอแซค คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิครายใหญ่ของสหรัฐ โดยข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าบริษัทเอกชนจะสามารถทำกำไรได้แม้เศรษฐกิจชะลอตัวลงก็ตาม " นายเวร็นกล่าว
ทั้งนี้ หุ้นเรดิโอแซคพุ่งขึ้น 4.1% แต่หุ้นออฟฟิศ ดีโปท์ ร่วงลง 14.1% หลังจากบริษัทประกาศเลื่อนเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ซึ่งทำให้บริษัทโบรกเกอร์ 3 แห่งปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงทันที
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ทะยานขึ้นเหนือระดับ 93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.5% และหุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 1.3%
หุ้นอัลโคซึ่งเป็นบริษัทผลิตแร่อลูมินั่มพุ่งขึ้น 2.7% เพราะได้รับปัจจัยบวกจากข่าวเกี่ยวกับการเทคโอเวอร์เหมืองแร่ในยุโรป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ