นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไพโอเนียร์ มอเตอร์ (PIMO) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/64 บริษัทคาดว่าการดำเนินธุรกิจจะเติบโตในทิศทางที่ดี เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ประกอบกับมีคำสั่งซื้อจากลูกค้าในประเทศและต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากยังมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งทำให้ประชาชนไม่ออกไปใช้สระว่ายน้ำนอกบ้าน ดังนั้นจึงยังคงคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 20% จากปีก่อนมาที่ 900 ล้านบาท หรืออาจจะทะลุ 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายมอเตอร์ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะมอเตอร์ AC มีออเดอร์เพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนลูกต่อเดือน จากเดิม 7-8 หมื่นลูกต่อเดือน และมอเตอร์ชนิดพิเศษหรือ BLDC มีออเดอร์อยู่ที่ 100 ลูกต่อวันแล้ว ปัจจุบันยังมีลูกค้าสนใจเข้ามาเจรจา เพื่อให้บริษัทผลิตมอเตอร์รถจักรยานยนต์จำนวนมาก ซึ่งบริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับบริษัท จีพี มอเตอร์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ แบรนด์ GPX ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์อันดับ 3 ของประเทศไทย เนื่องจากเป็นลูกค้าหลักในตลาดการผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV Hub Motor)
ขณะที่โครงการพัฒนามอเตอร์สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่ได้สินค้าตัวอย่างจากลูกค้าไปให้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำไปวิจัยและพัฒนาสินค้า คาดว่าภายในไตรมาส 3/64 หรือประมาณเดือน ต.ค.นี้ น่าจะได้รับผลการพัฒนาสินค้ามอเตอร์ EV จาก สวทช.
นายวสันต์ กล่าวว่า ในส่วนอัตราแลกเปลี่ยนที่เงินบาทอ่อนค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐมาที่ 33 บาท ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 4.7% และเงินสกุลดอลลาร์ออสเตรเลีย มาที่ 24 บาท เพิ่มขึ้น 11.6% ขณะที่ราคาวัตถุดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/64 มาไตรมาส 264 ได้แก่ ทองแดง เพิ่มขึ้น 53% อลูมิเนียม เพิ่มขึ้น 42% และ ซิลิคอน เพิ่มขึ้น 78 โดยแนวโน้มราคาวัตถุดิบ ในช่วงครึ่งปีหลังมีอนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากความต้องการของตลาดโลก โดยเฉพาะซิลิคอนยังพุ่งสูงต่อเนื่อง
นอกจากนี้ในครึ่งปีหลัง บริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าเครื่องปรับอากาศ (Air Conditioning Motor: AC) มาที่ 1.2 แสนลูกจากครึ่งปีแรกผลิต 8 หมื่น- 1 แสนลูก
PIMO รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2/64 มีรายได้อยู่ที่ 244.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.58 ล้านบาท หรือ 49.29% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 163.49 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 24.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.72 ล้านบาท หรือ 127.15% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 10.79 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.64) บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 468.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121.05 ล้านบาท หรือ 34.80% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 347.80 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 44.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.95 ล้านบาท หรือ 45.72% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 30.51 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายมอเตอร์สระและสปา รวมทั้งมอเตอร์ปั๊มน้ำ (Axial-Flux pool Motor) ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับใบรับรองมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้าจาก Underwriter's Laboratories Inc. (UL) โดยเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ทั่วโลกยอมรับ จึงทำให้ยอดขายของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น