นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ที คิว อาร์ (TQR) ผู้ให้บริการนายหน้าประกันภัยต่อ (Reinsurance Broker) แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/64 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.64 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 57.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.58% และมีรายได้รวม 93.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.18% สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 68.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.20% ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 136.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.76% โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจาก รายได้ธุรกิจนายหน้าประภัยต่อแบบทั่วไป (Traditional Business) มากขึ้น และธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน (Alternative Business) "ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/64 ยังสามารถเติบโตได้ดี เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคในด้านของประกันภัยต่างๆ มียังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย ทำให้ความต้องการทำประกันภัยยังคงมีต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ กับ บริษัทประกันภัย ออกมาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อสร้างแรงจูงใจ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด ซึ่งมั่นใจว่า จะช่วยสนับสนุนผลงานทั้งรายได้และกำไรให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ และช่วยผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน" นายชนะพันธุ์กล่าว นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TQR กล่าวว่า แผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 64 บริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาประกันภัยในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับการลงทุนในธุรกิจบริการใหม่ๆ อาทิ การประกันภัยไซเบอร์ (Cyber Insurance) ประกันภัยต่อกลุ่มความรับผิดตามกฎหมาย (Liability)และ ประกันภัยพืชผล (Crop Insurance) โดยเฉพาะการประกันภัยกัญชา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของบริษัทประกันภัย และบริษัทรับประกันภัยต่อให้มากขึ้น อีกทั้ง เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ และสนับสนุนผลงานให้เติบโตได้ในอนาคต ในอัตราที่โดดเด่นต่อเนื่องต่อไป พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ภายใต้ชื่อ บริษัท อาร์สแควร์ จำกัด โดยร่วมทุนกับบริษัท คอร์สสแควร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำ ที่มีความเชี่ยวชาญ ด้าน Online Learning Platform ที่มีความต้องการเติบโตต่อเนื่อง เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ออนไลน์ (Online Learning Solutions) และระบบระบุตัวตนผู้ใช้งาน (Face Detection and Face Recognition) โดย TQR จะถือหุ้นในสัดส่วน 55% ซึ่งคาดว่าจะจดทะเบียนจัดตั้ง และเริ่มดำเนินธุรกิจได้ในไตรมาส 3/64