นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจ มาร์ท (JMART) เปิดเผยว่า แม้ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น กลุ่มบริษัทได้เตรียมกลยุทธ์รองรับมาตรการดังกล่าว และการผนึกกำลังในเครือ สนับสนุนให้ผลประกอบการไตรมาส 2/2564 ยังคงความสามารถการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง มีกำไรสุทธิ 232.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,648.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% โดยมีธุรกิจด้านการเงินเป็นหัวหอกในการทำกำไร ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 กำไรสุทธิอยู่ที่ 565.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมอยู่ที่ 5,531.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8%
ปัจจัยในการเติบโต เนื่องจากรายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้าสูงขึ้น ตามยอดขายจากธุรกิจมือถือที่เติบโต ภาพรวมธุรกิจบริหารหนี้ของบมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J ) และสินเชื่อของบมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ยังคงมีผลงานที่เติบโต และส่งกำไรมาให้เจมาร์ทได้อย่างแข็งแกร่ง เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายปันผลระหว่างกาล จากงวดดำเนินงานครึ่งปีแรก เป็นเงินสด 0.40 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 23 สิงหาคม 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผล 8 กันยายน 2564 พร้อมดัน JMART-W5 เข้าเทรด 13 สิงหาคม นี้
ทั้งนี้ เจมาร์ทยังเดินหน้าขยายการเติบโตสอดรับกับดิจิทัลทรานฟอร์มเมชั่น ขับเคลื่อนองค์กรด้วยฟินเทคและเทคโนโลยี และการ Synergy สร้าง ecosystem ภายในกลุ่มบริษัทได้อย่างครบวงจร ทั้งในด้านการเงิน ค้าปลีกและพื้นที่เช่า รวมถึง เทคโนโลยีที่จะเป็นหัวหอกในการปรับเกมธุรกิจเข้าสู่ Digitization การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในโลกจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึง แผนการปล่อยสินเชื่อแบบ Digital Lending ที่เราได้เริ่มทำเรียบร้อยแล้ว เข้าสู่การเป็นผู้นำด้านฟินเทคตัวจริงเสียงจริง พร้อมพัฒนาโครงการอื่นๆ อีกมากมาย จากความร่วมมือกับพันธมิตรลุยต่อยอดธุรกิจในครึ่งปีหลัง คาดเห็นภาพชัดเจนขึ้น และยังคงมั่นใจเป้าหมายกำไรสุทธิปีนี้จะสามารถทำ All Time High เติบโต 50% ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้