นายไตรสรณ์ วรญาณโกศล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอส พี วี ไอ (SPVI) เปิดเผยว่า บริษัทเล็งปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้จากเดิมคาดโต 10%เป็นเติบโต 20% หลังจากจบไตรมาส 3/64 ซึ่งหากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายภายในเดือน ก.ย. และเปิดตัวสินค้าใหม่ได้ตามแผนในไตรมาส 4/64
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงเดือนก.ค.ที่ผ่านมาจะสามารถเปิดให้บริการสาขาได้เพียง 31 แห่ง จากทั้งหมด 62 แห่ง เนื่องจากสาขาส่วนมากต้องปิดลงตามคำสั่งจากมาตรการภาครัฐ แต่ทางบริษัทได้แก้ปัญหาโดยการเปิดศูนย์สำนักงานใหญ่ที่ทาวน์อินทาวน์ให้เป็นศูนย์ให้บริการลูกค้าในพื้นที่กทม. รวมไปถึงในต่างจังหวัดมีการเปิดสาขาชั่วคราวมากกว่า 5 แห่ง เช่นในพื้นที่ชลบุรี ระยอง เพื่อให้บริการลูกค้าต่างจังหวัดอีกด้วย
สำหรับร้านที่ยังอยู่ใน Pipeline ซึ่งเป็นร้าน A-store ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสาขามหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, มหาวิทยาลัยเกษตรศรีราชา และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ยังคงชะลอการเปิดจากผลกระทบของโควิด-19 ซึ่งทุกสาขาได้ดำเนินการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากกลับสู่ช่วงปกติก็สามารถเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ทันที ขณะที่ร้าน U-store ที่มหาวิยาลัยราชภัฎนครปฐมยังคงเปิดตามแผนในวันที่ 10 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา และมีการประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากนักศึกษายังคงต้อง Learn from home กันอยู่
นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรดจาก Ibeat Cantral Rayong เป็น iStudio Central Rayong โดยมีการปรับพื้นที่ให้ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับการเปิดตัวสินค้าใหม่ที่คาดว่าจะเข้ามาในไตรมาส 4/64 ซึ่งเป็นไตรมาสที่มียอดขายสูงสุดในทุกปี
"เรายังมองว่าแม้จะเจอผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ต้องปิดสาขาไปจำนวนมากกว่า 50% เพราะสาขาส่วนมากตั้งอยู่ในจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด แต่ยังคงเห็นดีมานด์จากกลุ่มลูกค้าด้านการศึกษาที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะลูกค้ากลุ่มนี้จะต้องใช้อุปกรณ์เพื่อ Learn From Home เราจึงมีการสื่อสารโดยตรงไปยังลูกค้ากลุ่มดังกล่าว มีการประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพื่อเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น" นายไตรสรณ์กล่าว