นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ ผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ไทยรีประกันชีวิต (THREL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้วางเป้าหมายรายได้ปี 64 เติบโตไว้ที่ 10% หลังผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก โดยเฉพาะไตรมาส 2/64 เติบโตเป็น Double Digit จากการรับงานใหม่ และขยายงานบนสัญญาเดิม ซึ่งมีการเริ่มบันทึกรายได้เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 2/64 และคาดว่าจะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่องในไตรมาสถัดๆ ไป แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าจะไม่สูงเท่ากับไตรมาส 2/64 ที่เป็นช่วงของ Seasonal ของการบุ๊คงานขนาดใหญ่ แต่ในภาพรวมครึ่งปีหลังจะยังมีการเติบโต เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ภาพการเคลมประกันในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างติดตามตัวเลขเคลมประกัน แต่เบื้องต้นคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทประกันวินาศภัย และยังอยู่ในระดับที่รับมือได้ รวมถึงยังติดตามตัวเลขการเคลมในส่วนที่เป็นของโควิด-19 และไม่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 มีสัดส่วนแตกต่างกันอย่างไร คาดว่าในไตรมาส 3/64 น่าจะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น
นอกจากนี้บริษัทฯ ขอย้ำว่าบริษัทไม่ได้มีการรับโปรดักส์ในลักษณะ เจอ จ่าย จบ โดยผลกระทบที่เกิดจากการเคลมโควิด-19 จะเกิดขึ้นเฉพาะผู้ประกันรายเดิมที่อยู่ในพอร์ตของบริษัทฯ อยู่แล้ว ซึ่งเมื่อมีการเจ็บ ป่วยจากโควิด-19 ผู้ประกันดังกล่าวก็มีสิทธิ์ในการเคลมบนประกันที่มีอยู่กับบริษัทฯ ได้
อย่างไรก็ตามกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทฯ ในปีนี้และในอนาคต จะเป็นการเติบโตบน New-Scurve ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก คือ 1.Baseline โดยจะมุ่งเน้นการเติบโตบน New Business ของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่กับคู่ค้า(Non-Conventional) อย่างต่อเนื่อง
2. มองการขยายฐานธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ โดยที่ผ่านมาก็ได้มีการเข้าไปลงทุนในบริษัท TKI Life Insurance ในประเทศลาว และเริ่มมีเบี้ยรับประกันภัยต่อจากบริษัทดังกล่าวแล้ว และในปีนี้ก็มีการขยายการรับงานไปยังบริษัทอื่นๆ ในลาวเพิ่มด้วย รวมถึงยังมีการเข้าไปร่วมประมูลงานกับพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศกัมพูชา คาดว่าจะเริ่มทยอยบุ๊คเบี้ยเข้ามาได้ในช่วงต้นปี 65 โดยเป้าหมายต่อไป บริษัทฯ ก็มองโอกาสในการขยายตลาดไปในประเทศอินโดนีเซียต่อ
3. New Partner โดยก้าวแรกของบริษัทฯ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้มีการทำสัญญากับ Pacific Life Re (PLRE) (Collaboration agreement with Pacific Life Re :PLRE) ซึ่งเป็นบริษัทรับประกันชีวิต่อที่เป็นรายใหญ่ของโลก โดยการ Collaboration ในครั้งนี้ เพื่อมุ่งมั่นที่จะทำ Product development ร่วมกัน นอกจากนั้นยังมีเรื่อง Data Analytics และ Insurance technology ซึ่ง 3 ส่วนนี้จะเป็นตัวผลักดันการเป็น New-Scurve ของบริษัทได้เป็นอย่างดี
นอกเหนือจากนี้บริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างเจรจากับพาร์ทเนอร์อื่นๆ อีก โดยมองถึงการทำ Product development, Marketing and Distribution, Underwriting, Consumer Engagement และ Claim