นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็กโซติค ฟู้ด (XO) กล่าวว่า แนวโน้มไตรมาส 3/64 บริษัทจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ซอสกัญชงไปยังลูกค้ากลุ่มประเทศในทวีปยุโรป โดยออเดอร์แรกเตรียมส่งออกเดือน ก.ย.นี้ มองว่าเป็นสินค้าใหม่ที่ได้รับการตอบรับที่ดี แต่อาจต้องใช้เวลาในการขยายตลาดเพิ่มขึ้น คาดจะเห็นออเดอร์ที่ชัดเจนปี 65
และเพื่อเตรียมพร้อมขยายตลาดกลุ่มซอสอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตกลุ่มซอสเพิ่ม 1 ไลน์การผลิต ประมาณการณ์เครื่องจักร 1 ไลน์การผลิต จะสามารถสร้างยอดขายได้ 600?700 ล้านบาท/ปี บริเวณพื้นที่โรงงานเดิม โดยวางงบลงทุน 100 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 65 ทำให้ XO ขายสินค้ากลุ่มซอสได้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีมาร์จิ้นสูงที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัท
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/64 ทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาสอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง โดยมีกำไรสุทธิ 154.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.23% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 91.92 ล้านบาท มีรายได้จากการขายสินค้า 456.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.50% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 339.34 ล้านบาท เนื่องจากความสำเร็จในการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยุโรปซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัท และสามารถบริหารการส่งออกและตู้คอนเทนเนอร์ได้ รวมถึงการจัดทำกิจกรรมการตลาดเริ่มเห็นผลมากขึ้น เพื่อสร้างฐานลูกค้าใหม่ ประกอบกับแผนการลงทุนจ่ายค่าแรกเข้า (Listing fee) เพื่อเพิ่มพื้นที่ขายประสบความสำเร็จ
ทางด้านต้นทุนสามารถล็อกราคาล่วงหน้า และกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 46.51% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 32.12% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 22.76%
ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก 64 มีกำไรสุทธิ 259.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.38% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 139.23 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการขายสินค้าอยู่ที่ 807.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.06% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 611.80 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในงวดไตรมาส 2/64 บริษัทบริษัทมียอดขายเป็นสกุลเงินยูโร 3.8% ยอดขายเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 17.9% และยอดขายเป็นเงินบาท78.3%
"มองผลงานปีนี้เชื่อว่าจะทำ All Time High ได้ หลังภาพรวมไตรมาส 2 ออกมาน่าประทับใจเนื่องจากยอดขายเติบโต อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตในระดับสูงที่ระดับ 80% ทำให้เกิด economy of scale รวมถึง ค่าเงินบาทที่อ่อนลงไปเยอะ ก็ส่งผลต่อบริษัทพอสมควร และคาดการณ์ไตรมาส 3 ปีนี้ จะเติบโตมากกว่าไตรมาส 1 ได้ เนื่องจากออเดอร์ในมือที่เห็นตอนนี้ค่อนข้างอยู่ในระดับที่ดี" นายจิตติพร กล่าว