นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway Down จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่ดีขึ้น ส่งผลให้อาจจะต้องล็อกดาวน์ยืดเยื้อ และอาจจะไม่ได้ผลด้วย ซึ่งวันนี้จะมีการประชุมศบค.ที่จะต้องติดตาม โดยอาจจะมีการผ่อนปรนบางกิจการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน แต่มองสถานการณ์โควิดยังยืดเยื้อ การผ่อนปรนบางกิจการเพื่อไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตประจำวันเท่าไร
นอกจากนี้ เม็ดเงินลงทุนต่างชาติยังไหลออก จากเงินบาทที่ยังอ่อนค่า และ MSCI ก็ได้ปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยด้วย รวมถึงราคาน้ำมันก็อ่อนตัวลง อีกทั้งวันนี้หุ้น ADVANC จะขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายปันผล ซึ่งก็จะถ่วงดัชนีฯราว 0.94 จุด ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวในแดนลบราว 0.5%
อย่างไรก็ดี วันนี้ให้ติดตามผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 2/64 ของไทย และการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน รวมทั้งรอติดตามการพิจารณาร่างงบประมาณปี 65 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 18-20 ส.ค.นี้ และในวันที่ 18 ส.ค.นี้ให้ติดตามคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC)จะเปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 27-28 ก.ค.
พร้อมให้แนวรับ 1,525-1,520 จุด ส่วนแนวต้าน 1,540 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,515.38 จุด เพิ่มขึ้น 15.53 จุด (+0.04%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,468.00 จุด เพิ่มขึ้น 7.17 จุด (+0.16%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,822.90 จุด เพิ่มขึ้น 6.64 จุด (+0.04%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.96 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 171.04 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 26.43 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 ส.ค.) 1,528.32 จุด ลดลง 4.39 จุด (-0.29%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,962.88 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ส.ค.64.
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 ส.ค.) ปิด 68.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 65 เซนต์ หรือ 0.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ส.ค.) อยู่ที่ 3.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.32 แข็งค่าตามทิศทางตลาดหลังดอลลาร์อ่อนค่า จับตา GDP Q2/64 ไทย
- บอร์ด กนอ.ไฟเขียวตั้งนิคมร่วมดำเนินงานแห่งใหม่ในอีอีซี รับนโยบายรัฐด้านพัฒนาเชิงพื้นที่ วางเป้าหมายรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ มั่นใจจะเป็นพื้นที่สำคัญดึงดูดเทคโนโลยีขั้นสูง คาดสามารถสร้างมูลค่าลงทุนได้ 33,200 ล้านบาท เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นราว 8,300 คน
- ขณะนี้แต่ละธนาคารกำลังเร่งหารือเพื่อสรุปแนวทางการช่วยเหลือลูกหนี้หลังจากนี้ต่อไปอย่างไร เพื่อรองรับการระบาดโควิด-19 ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อและรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจากกรณีกระแสข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมมีมาตรการจูงใจให้ธนาคารช่วยลูกหนี้มากกว่าพักหนี้ 2 เดือน และมาตรการที่มีอยู่ เช่น การลดหนี้เงินต้น (แฮร์คัท) และลดดอกเบี้ย ให้กับลูกหนี้ที่ไม่สามารถผ่อนจ่ายและถูกกระทบรุนแรง แต่ในเรื่องนี้ธนาคารส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางลดหนี้เงินต้น เพราะไม่ยุติธรรมกับลูกหนี้ดีที่ผ่อนจ่ายตรงเวลามาโดยตลอด และกังวลว่าจะเกิดพฤติกรรมจงใจผิดนัดชำระหนี้เพื่อให้ได้เข้ามาตรการ หรือเรียกว่ามอร์รัลฮาร์ซาร์ด
- ททท.ลุ้นสธ.รับสปุตนิก-เห็นสัญญาณโควิดขาลงชัดเจน เตรียมเสนอรัฐบาลลดวันกักตัวต่างชาติเข้าไทยเหลือ 7 วัน เหมือนเวียดนามและสิงคโปร์ หากยืดเยื้อเตรียมปรับเป้าหมายการนำต่างชาติเข้าเที่ยวไทยลดลง เร่งปรับโครงสร้างท่องเที่ยวหลังโควิดด่วน หลังมีปัญหาเรื้อรังมานาน
- ศบค.ถกวันนี้ เคาะยืดล็อกดาวน์ถึง 31 ส.ค. ลุ้นผ่อนปรน 4 ธุรกิจเปิดในห้างได้
*หุ้นเด่นวันนี้
- SCGP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้าสูงสุด IAA Consensus 78 บาท ปิดดีลซื้อบริษัทผลิตกล่องลูกฟูกในอินโดฯ ได้ตามแผนเริ่มรับรู้กำไรในงบการเงินตั้งแต่ Q3/64 และเตรียมแผนเดินหน้า M&A เพิ่มอีก 1-2 ดีลทั้งไทยและอินโดฯ เป็น Growth story ต่อเนื่องให้ SCGP
- IVL (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 43 บาท หลบความเสี่ยงโควิด-19 เลือกหุ้นอิงปัจจัยต่างประเทศ กลุ่มปิโตรต้นน้ำ IVL ได้ประโยชน์จาก Spread ที่เพิ่มขึ้น (ราคาน้ำมันลดลง) โดย Outlook ใน H2/64 ยังดีปริมาณการผลิตจาก Lake Charles Gas Cracker (IVOL) เพิ่มขึ้น ส่วน Deal Oxiteno ยังต้องติดตาม พร้อมประเมินกำไรปี 64-65 ที่ 2.17 หมื่นลบ. และ 2.12 หมื่นลบ. +802%YoY, -2.3%YoY ตามลำดับ
- CPF (เอเชีย เวลท์) "ซื้อ"เป้า 43 บาท พบผู้ติดเชื้อที่โรงงานระยอง ประเมินกระทบไม่มาก จากกรณีพบการติดเชื้อ โควิด-19 ของพนักงานโรงงานอาหารทะเลแช่แข็งใน จ.ระยอง จากการตรวจเชิงรุกด้วยชุดตรวจ ATK อย่างไรก็ตามจากการสอบถามเบื้องต้นกับทางบริษัท ทำให้ประเมินว่าผลกระทบต่อรายได้รวมค่อนข้างจำกัด ขณะที่ CPF ยังมีโรงงานที่ยังมีกำลังผลิตอีก 2 โรงงานสามารถรองรับการผลิต ชดเชยโรงงานระยอง ที่ต้องปิด 7 วัน เพื่อทำความสะอาด ทั้งโรงงานกับการคัดสรรคนงานที่ปลอดโควิด และสมัครใจ เข้าโครงการ Zeal เพื่อให้กลับมาผลิตเหมือนเดิม ในวันที่ 23 ส.ค. อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ระยะสั้นเป็น sentiment เชิงลบต่อราคาหุ้น