นางสาวเรวดี หวานชิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบัญชีการเงิน บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น (AQUA) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/64 บริษัทมีรายได้จากการประกอบธุรกิจและการลงทุนรวม 206.57 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน 120.62 ล้านบาท อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน 70.25 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน บมจ. อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) จำนวน 15.70 ล้านบาท ทำให้มีผลกำไรสุทธิ 11.33 ล้านบาทแม้จะเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19
AQUA แจ้งผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ไตรมาส 2/64 มีกำไรสุทธิ 11.33 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.0025 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 22.27 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.0048 บาท
ทั้งนี้ AQUA มีธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านภายใต้ชื่อแบรนด์ "AQUA" เป็นธุรกิจหลัก ให้บริการและจัดการสื่อโฆษณาทั้งที่เป็นป้ายนิ่ง Billboard และ จอดิจิทัล LED โดยไตรมาส 2/64 สื่อโฆษณานอกบ้านมีรายได้ 120.62 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 รายได้เพิ่มขึ้น 22.86% แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจ แต่ลูกค้าบางส่วนกลับมาใช้สื่อโฆษณาเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะสื่อ LED ที่มีความคล่องตัวมากในการขึ้นภาพโฆษณาหรือหยุดการโฆษณา ทำให้รายได้จากป้าย LED เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับข่วงเดียวกันของปีก่อน
ในระยะยาว AQUA ปรับตัวให้ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านกลับมาพร้อมการใช้ชีวิตนอกบ้านของประชาชน จึงพิจารณาลงทุนในธุรกิจสื่อ LED โดยการจับมือกับผู้ประกอบการป้าย Static เพื่อพัฒนาเป็นป้าย LED ที่มีขนาดใหญ่ ตั้งอยู่จุดใจกลางเมือง และลงทุนจอที่มีคุณภาพความคมชัดระดับสูง
รวมถึงการพัฒนา Creative Production เพื่อรองรับการให้บริการผลิตสื่อ แบบ 2D และ 3D อีกทั้งยังนำ Data Analytic มาใช้เพื่อให้ลูกค้ามีข้อมูลในการเลือกใช้สื่อโฆษณาอย่างมีคุณภาพและเข้าถึง Target ได้อย่างชัดเจน ภายใต้ชื่อแบรนด์ "STARLET" เริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วในไตรมาส 3/64 ต่อจากนี้ไป สื่อโฆษณาบนจอ LED ของ STARLET จะทำให้สื่อโฆษณาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป บริษัทฯค่อนข้างมั่นใจว่า การลงทุนในครั้งนี้จะสร้างการเติบโตธุรกิจสื่อโฆษณาอย่างแน่นอน
อีกทั้งการลงทุนในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ยังคงสร้างรายได้ค่อนข้างคงที่จากเป็นการรับรู้รายได้ให้เช่าและบริการตามสัญญาเช่าระยะยาวในไตรมาส 2/64 มีผลกำไรสุทธิ 39.79 ล้านบาท ในขณะที่กลุ่มธุรกิจพลังงานและบรรจุภัณฑ์ ดำเนินงานอยู่ภายใต้การบริหารของ EP ซึ่ง AQUA ถือหุ้นและรับรู้ผลกำไรจาก EP ในรูปของส่วนแบ่งกำไร 15.70 ล้านบาท แม้จะลดลงจากปัจจัยการจำหน่ายโครงการผลิตไฟฟ้าไปหลายโครงการในปี 63 และมีการบันทึกผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น แต่คาดว่าตั้งแต่ไตรมาส 3/64 จะรับรู้รายได้จากการเริ่ม COD ในโครงการใหม่ๆ และจะส่งผลให้ AQUA สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย