นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฐิติกร (TK) เปิดเผยว่า TK ได้จัดตั้ง บริษัท ทีเค โบรคเกอร์ จำกัด (TK Broker) ซึ่งมี TK เป็นผู้ถือหุ้น 99.99% เพื่อเป็นตัวแทนขายประกันวินาศภัย โดยทำหน้าที่เป็นคนกลางในการคัดเลือกบริษัทประกันที่มีผลิตภัณฑ์ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด และนำเสนอผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้กับลูกค้า ตามแผนการขยายธุรกิจในประเทศของบริษัทฯ
"TK Broker เป็นธุรกิจใหม่ล่าสุดด้วยเงินทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท ที่ TK ได้ขยายธุรกิจไปสู่การเป็นตัวแทนขายประกันวินาศภัย เนื่องจากมองเห็นโอกาสที่ผู้บริโภคปัจจุบันเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการปิดความเสี่ยงต่าง ๆ ด้วยการซื้อประกันในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งเป็นการขานรับนโยบายของภาครัฐและสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงการประกันภัย เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ เรากำลังเร่งพัฒนาบุคลากร พร้อมคัดเลือกผลิตภัณฑ์ประกันต่าง ๆ ออกมานำเสนอให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องในอนาคตอันใกล้นี้" นางสาวปฐมา กล่าว
นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ TK กล่าวเสริมว่า ด้านการขยายธุรกิจในต่างประเทศตามแผนการเพิ่มสัดส่วนลูกหนี้ในตลาดต่างประเทศและลูกหนี้ในประเทศเป็น 50:50 ภายในปี 65 นั้น เนื่องจากสถานการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบันยังไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน ดังนั้น TK จึงใช้เลือกถือเงินสดและเงินฝากในธนาคารซึ่งปัจจุบันมีรวม 2,335 ล้านบาท และรอจังหวะเข้าลงทุนขยายกิจการทันทีที่ทุกอย่างคลี่คลายและเอื้อต่อการลงทุน โดยเฉพาะการเข้าปิดดีลการซื้อกิจการ Myanmar Finance International Limited หรือ MFIL ผู้ให้บริการสินเชื่อในเมียนมา รวมถึงการขยายสาขาเพิ่มเติมของธุรกิจในกัมพูชา และ สปป.ลาว รวมทั้งขยายธุรกิจในประเทศ
"สำหรับตลาดต่างประเทศ ใน สปป. ลาว เรากำลังทยอยเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 สาขา ในปากเซ เชียงขวาง และอุดมชัย ส่งผลให้เราจะมีจำนวนสาขาใน สปป. ลาว เพิ่มจาก 3 สาขา เป็น 5 - 6 สาขา ภายใน Q1/2565 นี้ สำหรับในกัมพูชา ปัจจุบันมี 12 สาขา" นายประพล อธิบาย
ระหว่างที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ในประเทศยังคงมีจำนวนของผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และภาครัฐยังจำเป็นต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และกำลังซื้อ TK จึงเลือกบริหารกิจการด้วยกลยุทธ์ที่เน้นไปที่ประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายโดยรวมภายในองค์กร รวมทั้งการบริหารต้นทุนทางการเงิน และการนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้ทั้งภายในองค์กรรวมทั้งในการให้บริการลูกค้า
โดยหลังจากที่ได้พัฒนา TK PLUS แอปพลิเคชัน ตั้งแต่ปี 2561 และ Line@TK PLUS เมื่อปี 62 ล่าสุด ณ เดือน ก.ค.64 มีลูกค้าใช้บริการผ่าน TK PLUS แอปพลิเคชัน เพิ่มขึ้น 3.2 เท่า และมีลูกค้าใช้บริการผ่าน Line@TK PLUS เพิ่มขึ้น 327 เท่าจากปี 62 ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเป็นตัวเร่งให้ผู้บริโภคปรับตัวหันมาทำธุรกรรมผ่านทางดิจิทัลเทคโนโลยีมากขึ้นแบบก้าวกระโดด และเพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ของพฤติกรรมของผู้บริโภคนี้ TK จะเดินหน้าเร่งนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาบริการตลอดเส้นทางการใช้บริการของลูกค้า (Customer Journey)