นางสาวสุทธิรัตน์ ลีสวัสดิ์ตระกูล รองประธานกรรมการ บมจ.บี จิสติกส์ (B) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 2/64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 20.10 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 ที่ขาดทุน 10.57 ล้านบาท และมี EBITDA 31.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.53 ล้านบาท หรือ 621% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 4.43 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากกำไรจากการดำเนินงานปกติและกำไรจากการลงทุนที่บริษัทไปลงทุน
โดยบริษัทมีรายได้จากการให้บริการ 54.34 ล้านบาท ลดลง 21.58 ล้านบาท หรือ 28.42% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้ 75.92 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเลิกประกอบธุรกิจท่าเรือ รวมถึงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้จากธุรกิจขนส่ง
สำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย 64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 98.29 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 63 ที่ขาดทุน 16.71 ล้านบาท และมี EBITDA 122.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109.28 ล้านบาท หรือ 815% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 13.41 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 221.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.15 ล้านบาท หรือ 31.52% เมิ่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีการรายได้อื่นจำนวน 115.76 ล้านบาท เป็นกำไรจากการขายทรัพย์สินถาวรและสิทธิการเช่าท่าเรือจำนวน 111.9 ล้านบาท
นางสาวสุทธิรัตน์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมฐานะการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมที่จะขยายธุรกิจให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 มิ.ย. 64 จำนวน 1,144.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 207 ล้านบาท หรือ 22.14% ซึ่งเกิดจากการเข้าลงทุนใน บริษัท โซลูชั่นส์ มอเตอร์ส จำกัด 120 ล้านบาท จึงได้รวมสินทรัพย์ดังกล่าวเข้ามาในงบการเงินรวมและหลังจากที่บริษัทได้จำหน่ายท่าเรือบางประกงออกไป ทางบริษัทได้มีการขยายการลงทุนเพิ่มใน บริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด มูลค่า 125 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทมีหนี้สินรวม 171.83 ล้านบาท ลดลง 140 ล้านบาท หรือ 44.95% สาเหตุจาก สาเหตุจากการจำหน่ายท่าเรือบางปะกงซึ่งมีผลทำให้ภาระผูกพันจากการชำระค่าเช่าอีก 8 ปีข้างหน้าสิ้นสุดลง