นางกอบบุญ ศรีชัย เลขานุการ และหัวหน้าฝ่ายงานนักลงทุนสัมพันธ์และตลาดทุน บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังยังเผชิญกับความท้าทายของการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งมีการแพร่ระบาดในประเทศ และในอีกหลายประเทศ ซึ่งบริษัทได้มีการควบคุมความปลอดภัยในโรงงานให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้รับผลกระทบจากการเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ในโรงงาน ทำให้สายการผลิตไม่เกิดการหยุดชะงัก
แต่อย่างไรก็ตาม ล่าสุดพบการติดเชื้อโควิดของพนักงานในโรงงานอาหารทะเลแช่แข็งในระยอง ทำให้บริษัทต้องมีการปิดโรงงานไปชั่วคราวเพื่อทำความสะอาด ซึ่งกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจในช่วงไตรมาส 3/64 เล็กน้อย เนื่องจากสัดส่วนการขายอาหารทะเลแช่แข็งของบริษัทมีสัดส่วนไม่มาก ทำให้ไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับปัจจัยกดดันที่มองว่าส่งผลกระทบต่อธุรกิจในช่วงไตรมาส 3/64 มาจากการที่ประเทศจีนมีการล็อกดาวน์ในบางมณฑลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ ทำให้การบริโภคเนื้อสัตว์ชะลอตัวลงไป โดยเฉพาะธุรกิจสุกร Chia Tai Animal Husbandry Investment (Beijing) (CTI) มีแนวโน้มยอดขายลดลงบ้าง ผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจให้มีทิศทางชะลอตัวลงจากไตรมาส 2/64 รับผลกระทบจากโควิด-19
"ไตรมาส 3 เป็นไตรมาสที่เรามองว่าได้รับผลกระทบมากสุด จากโควิดในรอบนี้ที่เข้ามาเป็นแรงกดดัน โดยเฉพาะธุรกิจ CTI ในจีนที่ยอดขายจะเห็นการชะลอตัวขึ้น เพราะจีนมีการล็อกดาวน์ในบางเมือง ทำให้การบริโภคเนื้อสัตว์ในจีนก็ชะลอตัวลงตามไปด้วย แต่เรามองว่าหากสถานการณ์ดีขึ้น คาดว่าไตรมาส 4 จะเห็นการกลับมาฟื้นตัว"นางกอบบุญ กล่าว
สำหรับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในปัจจุบันส่งผลบวกต่อการส่งออกสินค้าไปขาย แต่ในทางกลับกันก็เป็นปัจจัยที่กระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นตามมาด้วย เนื่องจากบริษัทต้องนำเข้าวัตถุดิบบางอย่างเข้ามา โดยที่ปัจจัยค่าเงินบาทไม่ค่อยส่งผลต่อภาพรวมของธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ ในส่วนของงบลงทุนในปีนี้ที่ตั้งไว้ 2.5 หมื่นล้านบาทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุน ซึ่งจะเน้นการลงทุนใน 11-14 ประเทศ
ด้านการนำธุรกิจสุกร CTI เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีน บริษัทได้ยื่นเอกสารแล้ว โดยอยู่ระหว่างรอทางการจีนพิจารณาในอนุมัติ