นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้แต่ไม่ไกล เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวกกัน คาดว่าจะเป็นการเก็งผลจากการรายงานของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะเปิดเผยการประชุมของวันที่ 27-28 ก.ค.โดยจะมีขึ้นในวันนี้ (18 ส.ค.) ซึ่งหากไม่ส่งสัญญาการปรับลด QE ก็มีโอกาสจะทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากขณะนี้ตลาดฯคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลด QE ในปลายเดือนนี้ แต่หากไม่ส่งสัญญาณก็จะเลื่อนไปเป็นปลายปีนี้
นอกจากนี้ ในแต่ละตลาดฯ มีปัจจัยเฉพาะตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะญี่ปุ่นที่มีการขยายล็อกดาวน์หลังจากที่โควิดระบาดหนัก และจีนก็มีการออกมาตรการควบคุมการผูกขาดของธุรกิจ ซึ่งก็ไปคุมที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยี
ส่วนในประเทศจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง และวันนี้จำนวนผู้เสียชีวิตทำนิวไฮ ซึ่งก็ยังเป็นปัจจัยลบต่อตลาดฯ อย่างไรก็ดี เริ่มเห็นแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่เข้ามาบ้างหลังปรับตัวลงไปพอควร และนักลงทุนก็เล่นตามสัญญาณทางเทคนิคกันมากขึ้น ทำให้เป็นแรงหนุนให้กับตลาดฯได้บ้าง ทั้งนี้ควรจะติดตามการ review ผลดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาในช่วงนี้ ซึ่งหากหุ้นตัวไหนออกมาดีก็จะปรับขึ้นได้จากแรงเก็งกำไร
พร้อมให้แนวรับ 1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550-1,560 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,343.28 จุด ลดลง 282.12 จุด (-0.79%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,448.08 จุด ลดลง 31.63 จุด (-0.71%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,656.18 จุด ลดลง 137.58 จุด (-0.93%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,442.35 จุด ลดลง 4.63 จุด (-0.13%), ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,418.08 จุด ลดลง 6.39 จุด (-0.02%) และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,800.03 จุด เพิ่มขึ้น 54.16 จุด (+0.21%)
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 ส.ค.)1,544.22 จุด เพิ่มขึ้น 12.98 จุด (+0.85%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,162.65 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ส.ค.64.
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 ส.ค.) ปิด 66.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 70 เซนต์ หรือ 1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 ส.ค.) อยู่ที่ 2.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.30 อ่อนค่าจากวานนี้ คาดกรอบวันนี้ 33.20-33.35
- "หอการค้า" แนะรัฐเร่งเพิ่มมาตรการเยียวยาหลังขยายล็อกดาวน์ต่อถึงสิ้นเดือน ส.ค.นี้ พร้อมรับพิจารณาผ่อนปรนบางกิจการให้เปิดได้ควบคู่มาตรการคุมระบาด "คลัง" ดึง 6 แอพดิลิเวอรี่อาหาร-สินค้า ใช้ผ่าน "คนละครึ่งเฟส 3-ยิ่งใช้ยิ่งได้" ต้นเดือน ต.ค.นี้ หวังเพิ่มช่องทางใช้จ่าย ขณะที่ยอดใช้สะพัดล่าสุด 5.7 หมื่นล้านบาท
- ตลท.เตรียมจัดงานไทยแลนด์โฟกัส 25-27 ส.ค. โชว์ศักยภาพตลาดทุนไทย หวัง "รมว.คลัง" ให้มุมมองนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศทั่วโลก
- ครม. ปลื้มเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2564 แกร่ง เมินโควิด-19 ส่งออกโตทุบสถิติ ลุ้นภาพรวมทั้งปีทยอยฟื้นตัวช้าๆ รับอานิสงส์เศรษฐกิจ-การค้าโลกกระเตื้อง ด้าน Krungthai Compass ห่วงมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ลากยาวทุบเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ลุ้นโรคระบาดคลี่คลายดันจีดีพีปีหน้าโตเพิ่มที่ 3.9%
*หุ้นเด่นวันนี้
- BCH (กรุงศรี) "ซื้อ" ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 30 บาท เดิม 25 หลังจากปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ BCH ปีนี้ขึ้น 109% เป็น 3.3 พันล้านบาท และปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปีหน้าขึ้น 34% เป็น2.3 พันล้านบาท สะท้อนรายได้จากการตรวจคัดกรองและตรวจรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่ยังอยู่ในระดับสูง
- ORI (เอเชีย เวลท์) "ซื้อ"เป้า 11.0 บาท คาด H2/64 โตต่อเนื่อง และเด่นสุดใน Q4/64 หนุนจากการโอนโครงการใหม่แล้วเสร็จ การระบายสต๊อกและโอนแนวราบมากขึ้น กดดันอัตรากำไรขั้นต้น ทำให้ปรับกำไรจากการดำเนินงาน ปี 64-65 ลง 6% และ 4% บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล H1/64 ที่ 0.12 บาท XD 24 ส.ค. ยังเลือกเป็น Top Picks จากแผนการเติบโตทั้งในระยะสั้นและยาว
- FORTH (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 15 บาท เร่งผลิตตู้เต้าบินป้อนลูก FSMART ซึ่งมีเป้าปี 2564 ถึง 1 พันตู้ จากปัจจุบันที่มี 100 ตู้ ตลาดตอบรับดี และนับตั้งแต่ H2/64 รัฐจะทยอยจัดประมูลงานได้แก่ Smart Meter, กำไล EM และอื่นๆ มูลค่ารวมกว่า 1.2 หมื่นลบ. บริษัทตั้งเป้ารับงาน 70-80% อีกทั้งไม่หยุดพัฒนาทั้ง EV Charger และ Payment Platform เพื่อรองรับผู้ใช้ในที่อยู่อาศัยทั้งบ้าน, Condominium และอาคาร
- SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 26.30 บาท แนวโน้มกำไร Q3/64 คาดถูกกระทบจาก Lockdown น้อยที่สุดในกลุ่ม และคาดยังทรงตัวในระดับที่สูงได้แม้เป็น Low Season โดยยังได้อานิสงส์จาก WFH และคาดจะเริ่มเห็น Catalyst บวกในกลางเดือน ก.ย. จาก Apple ที่จะเปิดตัว iPhone 13 โดย SYNEX จะได้ประโยชน์จากการขายใน Q4/64 ซึ่งเป็น High Season