นายวิศิษฎ์ อัครวิเนค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า(EGCO) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้าเพิ่มรายได้ปี 50 เป็น 2.2 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทสามารถรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า BLCP เต็มทั้งปี และในไตรมาส 3/50 เบื้องต้นคาดว่ารายได้จะสูงกว่าไตรมาส 3/49 ราว 10-15%
"ผ่านมา 9 เดือนรายได้ของเราเกินกว่า 2 หมื่นล้านบาทที่เป็นเป้าหมายรายได้ของปีนี้ทั้งปี ไตรมาส 4 แม้ว่าจะปิดโรงซ่อม แต่รายได้น่าจะอยู่ที่ 1-2 พันล้านบาท ทำให้รายได้ปีนี้ปรับเพิ่มเป็น 2.2 หมื่นล้านบาท" นายวิศิษฐ์ กล่าว
ส่วนปีหน้าบริษัทคาดว่าจะตั้งงบลงทุนราว 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งไม่รวมประมาณเงินลงทุนหากชนะประมูลโรงไฟฟ้า IPP รอบใหม่นี้
โดยบริษัทมีแผนการร่วมทุนในโรงไฟฟ้าน้ำอู ขนาดประมาณ 1 พันเมกกะวัตต์ ในสปป.ลาว และ โรงไฟฟ้าถ่านหินในฟิลิปปินส์ขนาดประมาณ 200 เมกะวัตต์ ทั้งสองโครงการคาดจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 4/50 ทั้งนี้โครงการโรงไฟฟ้าน้ำอูเป็นโครงการขนาดใหญ่ กว่าจะแล้วเสร็จคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 5-6 ปี
นายวิศิษฎ์ กล่าวว่า ในไตรมาส 4 ปีนี้บริษัทจะกู้เงินจากสถาบันการเงินจำนวน 8 พันล้านบาทซึ่งได้วงเงินกู้จากเดิมที่วางแผนจะกู้จำนวน 1 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทจะนำไปรีไฟแนนซ์หนี้ระยะสั้น จำนวน 5 พันล้านบาทและที่เหลือ 3 พันล้านบาทนำไปลงทุนโรงไฟฟ้า IPP และโรงไฟฟ้าขยะ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีความตั้งใจที่จะลงทุนในเหมืองถ่านหินเป็นของตัวเอง หลังจากไม่ประสบความสำเร็จการเข้าร่วมทุนกับบมจ.บ้านปู (BANPU) ในโครงการหงสาลิกไนต์ แต่คาดว่จะลงทุนในเหมืองถ่านหินอื่น เพื่อต้องการรองรับการเปิดประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินในรอบหน้า
ส่วนการประมูลโรงไฟฟ้า IPP รอบนี้ บริษัทจะเข้าร่วมประมูล 3 โรง รวมกำลังผลิต 2.4 พันเมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้โรงไฟฟ้าที่ขนอม ได้ผ่านการศึกษาสิ่งแวดล้อม(EIA) แล้ว ส่วนโรงไฟฟ้าที่ระยองและราชบุรี อยู่ระหว่างขั้นตอนการทำ EIA ในขั้นสุดท้าย
กรณีที่รัฐบาลสนับสนุนให้มีการจัดตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้น นายวิศิษฎ์ กล่าวว่า บริษัทสนใจเข้าร่วมลงทุนกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เนื่องจากเบื้องต้นคาดว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จะมีขนาดกำลังการผลิต 4 พันเมกกะวัตต์ซึ่งขนาดใหญ่มาก กฟผ.น่าจะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมทุนด้วย ซึ่ง EGCOคาดหวังจะได้เข้าดำเนินการโครงการนี้ประมาณ 1 พันเมกะวัตต์
"ราคาหุ้น EGCO ช่วงนี้ที่ปรับเพิ่มขึ้น น่าจะมาจากผลประกอบการ รวมทั้ง PE ของหุ้นของเราถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำ โดยส่วนตัวเห็นว่ามูลค่าหุ้น EGCO ไม่ควรจะต่ำกว่า 120 บาทต่อหุ้น" นายวิศิษฎ์ กล่าว
ช่วงบ่ายวันนี้ ราคาหุ้น EGCO อยู่ที่ 119 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท (+2.59%) โดยราคาสูงสุดที่ 120 บาท ซึ่งเป็นนิวไฮในรอบ 2 เดือน
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--