นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บมจ. ถิรไทย (TRT) เปิดเผยว่า ในครึ่งหลังปี 64 บริษัทคาดการณ์ว่าความต้องการหม้อแปลงไฟฟ้าภายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ผลจากการเริ่มมีวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิดในประเทศไทย และมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐในปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 2 แสนกว่าล้านบาท โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะเหนี่ยวนำการลงทุนภาคเอกชนให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 แสนล้านบาท
สำหรับการส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้า แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกอาจจะยังค่อยๆ ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มดีขึ้น และมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีนโยบายที่จะรักษาฐานตลาดเดิม และมุ่งขยายฐานตลาดใหม่ในต่างประเทศ "ในครึ่งปีหลังของปี 64 บริษัทคาดว่าจะเป็นอีกปีที่จะมีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ เนื่องจากคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ในส่วนของผลิตภัณฑ์หม้อแปลงไฟฟ้าขยายตัวมากขึ้น บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) ณ สิ้นเดือน มิ.ย.64 มูลค่า 1,151 ล้านบาทแล้ว แบ่งเป็นงานในภาครัฐบาลและเอกชน 1,022 ล้านบาท และอีก 129 ล้านบาทจะเป็นงานภาคส่งออกต่างประเทศ" นายสัมพันธ์ กล่าว
นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/64 บริษัทฯและบริษัทย่อย มีผลกำไรขาดทุนสุทธิ 3.18 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดบัญชีเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 80.05 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 857.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 83.51 ล้านบาท หรือ 10.80% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้หม้อแปลงไฟฟ้า และรายได้จากการบริการ 69.30 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 3.46 ล้านบาท หรือ 5.25% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากการบริการหม้อแปลงไฟฟ้า
บริษัทมีรายได้ตามสัญญาก่อสร้าง จากการดำเนินการของบริษัทย่อย 16.86 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 10.18 ล้านบาท หรือ 37.65% เนื่องจากสภาพการแข่งขันในช่วงโควิดสูงขึ้น ทำให้รายได้ของบริษัทย่อยลดลง
นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไรขั้นต้นจากการขาย 18.52% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 13.53% เนื่องจากในไตรมาสนี้ส่งมอบงานที่มีอัตรากำไรสูง โดยเฉพาะธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า และยังมีกำไรขั้นต้นจากการบริการ 48.44% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของการบริการหม้อแปลงไฟฟ้า