ภาวะตลาดหุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับฐานต่อ เหตุราคาน้ำมันดิบอ่อนลง-กังวลปัญหาซับไพร์ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 18, 2007 09:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊คคินซัน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับฐานต่อเนื่อง เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอ่อนตัวลง และตลาดเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาซับไพร์มในสหรัฐฯสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนที่ชะลอก็ยังไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุน แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯจะอ่อนตัวลง แต่การที่ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงด้วยจึงไม่ได้ช่วยทำให้ตลาดทุนดีขึ้นได้ 
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นและกลุ่มถ่านหินน่าจะยังมีโอกาสไปต่อได้ ส่วนหุ้นขนาดใหญ่โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มปตท.อาจมีแรงขายทำกำไรออกมา เพื่อถือเงินสดรอดูสถานการณ์ให้ชัดก่อน ส่วนหุ้นขนาดเล็กวันนี้อาจจะมีแรงเก็งกำไรในรายตัวมากขึ้น
พร้อมให้กรอบการแกว่งช่วงสั้นไว้ที่ 880-890 จุด
ขณะที่บทวิเคราะห์ของ บล.ฟิลลิป คาดว่า แนวโน้มตลาดวันนี้ Sideways แต่มีโอกาสฟื้นตัวช่วงสั้นตามตลาดภูมิภาค โดยบรรยากาศลงทุนของตลาดภูมิภาคเอเชียเช้านี้เริ่มฟื้นตัวขึ้นกันเป็นส่วนใหญ่ จากวานนี้ที่ดิ่งลงจากผลทางจิตวิทยาหลังรัฐบาลอินเดียเตรียมออกมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้น
สำหรับปัจจัยในวันนี้ เชื่อว่าตลาดจะเริ่มเทรดกรอบ Sideways มากขึ้น แต่มีโอกาสฟื้นตัวช่วงสั้นตามตลาดภูมิภาคเช้านี้ การลงทุนในช่วงพักฐานนี้แนะนำ Selective trading ไปก่อน เน้นกลุ่มยานยนต์-หลักทรัพย์ ส่วนหุ้นขนาดใหญ่อย่างธนาคาร-พลังงาน แนะนำทยอยซื้อเมื่ออ่อนตัว
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวานนี้(17 ต.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,892.54 จุด ลดลง 20.40 จุด(-0.15%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,541.24 จุด เพิ่มขึ้น 2.71 จุด(+0.18%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,792.67 จุด เพิ่มขึ้น 28.76 จุด (+1.04%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,690.30 ล้านบาทเมื่อวานนี้
- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 87.40 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.21 ดอลลาร์
- สหรัฐเปิดเผยข้อมูลตัวเลขเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตสร้างบ้านเดือนกันยายนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 14 ปี กระตุ้นให้เทรดเดอร์เชื่อว่ามีโอกาสถึง 56% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 31 ต.ค.นี้ เมื่อเทียบกับวันพุธที่มีโอกาสเพียง 38% ขณะที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดออกมาเตือนว่าภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจเป็นปัจจัยหลักที่ฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในไตรมาสปัจจุบันและตลอดช่วงต้นปีหน้า
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)ปรับลดตัวเลขการประมาณการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีหน้ามาที่ 4.8% จากเดิมที่คาดไว้ 5.2% เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เนื่องจากความวุ่นวายในตลาดการเงินของโลกเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และยังเตือนว่าความผันผวนจากตลาดสินเชื่อความเสี่ยงสูงในภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐ(ซับไพร์ม)เป็นปัจจัยเสี่ยงมากที่สุดที่จะมีผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ซึ่งในการประชุมรัฐมนตรีคลังของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติหรือจี 7 ที่กรุงวอชิงตันในวันพรุ่งนี้จะมีการหยิบยกความผันผวนในตลาดการเงินขึ้นหารือเป็นประเด็นแรก ๆ
- ปตท.เตือนประชาชนรับมือราคาน้ำมันตลาดโลกทะยานไม่หยุด เผยมีสิทธิแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในสิ้นปีนี้ เหตุเจอพิษกองทุนเก็งกำไร แนะผู้ใช้รถหันใช้พลังงานทางเลือก ทั้งแก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซล "ปิยสวัสดิ์" ยันไม่แทรกแซงราคาน้ำมัน หวั่นสร้างภาระหนี้กองทุนฯ ในระยะยาว ติงอย่าตื่นน้ำมันแตะ 100 ดอลลาร์ ชี้เป็นผลระยะสั้นเท่านั้น ด้านโอเปคเผยไม่เพิ่มกำลังการผลิต
- ผู้ประกอบการ 200 รายรับสภาพกำลังซื้อถดถอย ยอมตรึงราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคถึงต้นปีหน้า พาณิชย์แนะลดต้นทุนบริหารการตลาดและโฆษณา หวังชะลอขึ้นราคาสินค้าประสาน กระทรวงการคลังเพิ่มเหรียญห้าสิบสตางค์ เหรียญยี่สิบห้าสตางค์เข้าระบบ ให้สินค้าทยอยขยับ "เกริกไกร" ชี้แจงผู้บริโภคได้หากต้องปรับราคา
- คลังรอเจบิคตอบให้เงินกู้สำหรับก่อสร้างรถไฟฟ้าสีม่วงกับสีแดงภายใน 22 ต.ค.หากเลยจากนี้ส่งให้รัฐบาลใหม่พิจารณา ระบุในอนาคตหากกองทุนอนุรักษ์พลังงานมีเงินสะสม 2 หมื่นล้านบาท สามารถนำไปก่อสร้างรถไฟฟ้าได้ 1.2-1.6 พันล้านบาทต่อเดือนได้ "สมหมาย"เตรียมเสนอ ครม.อนุมัติกรอบการกู้เงินจากเอ็กซิมแบงก์จีนในสัปดาห์หน้า
- สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เผยผลการปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศปีงบประมาณ 2550 จำนวน 6.42 หมื่นล้านบาท สามารถใช้คืนหนี้ได้ทันที 2.96 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำให้ประหยัดดอกเบี้ยได้ 3.05 พันล้านบาท
- รมว.คลัง สั่งทบทวนรูปแบบการขายออนไลน์ให้รอบคอบ โดยพิจารณาให้มีความหลากหลายก่อนนำกลับมาเสนอใหม่
- ธนาคารแห่งประเทศไทย สำรวจความคิดเห็นของนักธุรกิจทั่วประเทศในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.ปีนี้ พบว่า นักธุรกิจ และผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมองภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และปี 2551 มีแนวโน้มทรงตัว เพราะยังมีปัจจัยลบจากราคาพลังงาน และความผันผวนจากค่าเงินบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ