นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 จะเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากจะสามารถเซ็นสัญญางานใหม่มูลค่าราว 700-800 ล้านบาทในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ และยังมีการรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมี Backlog อยู่ที่ 3,179 ล้านบาทจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังราว 904 ล้านบาท ประกอบด้วย งานบริการพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ 39 ล้านบาท, งานบริการโครงข่ายโทรคมนาคม (Data service) 618 ล้านบาท และงานติดตั้งโครงข่ายโทรคมนาคม (Installation) 247 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทมีงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา รอเข้าประมูล และรอผลการประมูลรวมกว่า 2,500 ล้านบาท (ในส่วนนี้ได้รวมงานที่จะเซ็นสัญญาดังกล่าวข้างต้นไว้แล้ว) คาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้เข้ามาภายในปีนี้ราว 30%
นอกจากนั้น บริษัทยังเชื่อว่าภาพรวมผลงานครึ่งปีหลังก็จะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น และการขยายการเติบโตสู่ New S-Curve ซึ่งปีนี้ก็คาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจดังกล่าวเข้ามาสนับสนุนการเติบโต ทำให้ทั้งปีบริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้จะเติบโต 20-30% หรือสูงขึ้นมาที่ 2,800 ล้านบาทตามเป้าหมาย
นายณัฐนัย กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนนำศูนย์ อินเตอร์ลิ้งค์ ดาต้า เซ็นเตอร์ ขายเป็นสินทรัพย์ให้กับกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) มูลค่ากองทรัสต์ขั้นต่ำอยู่ที่ราว 700 ล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการและเตรียมยื่นไฟลิ่ง คาดว่าจะดำเนินการดังกล่าวแล้วเสร็จได้ภายในครึ่งปีหลังนี้ และจะเดินการขายได้ในไตรมาส 4/64 ถึงไตรมาส 1/65
ปัจจุบันศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกของ ITEL มีจำนวนผู้ใช้บริการเต็มจำนวนแล้ว เนื่องจากมีความต้องใช้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามเทรนด์ของโลกยุคดิจิทัล และเมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ยิ่งทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเร่งขยายพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการ Work From Home ขณะที่ศูนย์แห่งที่ 2 บริษัทอยู่ในช่วงของการเจรจากับลูกค้าหลายราย คาดว่าในครึ่งปีหลังนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของธุรกิจดังกล่าว
พร้อมกันนี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะมุ่งไปสู่การเป็น edge data center หรือผู้ให้บริการฯ กับผู้เล่นรายใหญ่ เนื่องด้วยมองเห็นโอกาสในการสร้างการเติบโตในอนาคต หลังสิงคโปร์ห้ามให้มีการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ ประกอบกับดาต้าเซ็นเตอร์ของบริษัท ถือศูนย์ที่ได้มาตรฐาน คาดว่าผู้เล่นรายใหญ่ต่างชาติที่เข้ามาก็น่าจะให้ความสนใจและให้ความสำคัญในส่วนนี้
ด้านความคืบหน้าการย้ายหลักทรัพย์จดทะเบียน ITEL จากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน ก.ย. นี้