บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก(EPCO) คาดลดทุนจดทะเบียนล้างส่วนต่ำมูลค่าหุ้นแล้วเสร็จใน พ.ย.50 เพื่อจ่ายปันผล โดยจะมีกำไรสะสมเหลือประมาณ 100 กว่าล้านบาท ส่วนแผนควบรวมกิจการ บมจ.เอส.แพ็ค แอนด์ พริ้นท์(SPACK) รอประเมินราคาหุ้นหลังลดทุนเพื่อพิจารณาว่าคุ้มหรือไม่
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ EPCO เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ขณะนี้บริษัทได้ยื่นขอจดทะเบียนทุนใหม่กับกระทรวงพาณิชย์ไปแล้ว คาดว่าจะรู้ผลภายในวันที่ 20 พ.ย.นี้ จากนั้นจึงจะกำหนดแผนงานที่จะดำเนินงานต่อไป รวมทั้งแผนการควบรวมกับ SPACK ที่จะพิจารณาหลังจากลดทุนแล้วว่าราคาหุ้นของ EPCO ตามราคาตลาดจะเป็นเท่าไร จึงต้องหารือกันอีกครั้งก่อน
"เหลือ 500 กว่าล้านหุ้น ต้องดูราคาที่เหมาะสมควรจะเป็นเท่าไร ดูผลประกอบการไตรมาส 3 ด้วย ดูทุกอย่างพร้อมกันก่อนที่จะกำหนดแผนงานต่อไป รวมถึงภาวะตลาดด้วย เพราะตลาดช่วงนี้เปลี่ยนแปลงเยอะ ถึงแม้หุ้นใหญ่ขึ้นแต่หุ้นเล็กไม่ขึ้น ยังดูเป็นความแตกต่างอยู่" นายยุทธ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้ลดทุนจดทะเบียน โดยการลดจำนวนหุ้นจาก 3 หุ้นเดิม เป็น 1 หุ้นใหม่ เพื่อล้างส่วนต่ำมูลค่าหุ้นที่มีอยู่ 1.16 พันล้านบาทให้หมด ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ ทำให้จำนวนหุ้นเดิม 1,546.23 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เหลือเพียง 515.41 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
นายยุทธ กล่าวว่า หลังลดทุนแล้วส่วนต่ำมูลค่าหุ้นก็จะหมดไป และจะมีกำไรสะสมประมาณ 100 กว่าล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาว่าจะมีนโยบายจ่ายปันผลในอัตราเท่าใด
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทเคยระบุไว้แล้วว่าจะจ่ายปันผลได้ แต่ก็มีผู้ถือหุ้นบางรายเห็นว่าควรจะจ่ายครั้งเดียวทั้งปีไปเลย ซึ่งก็มีความเห็นหลายอย่าง
นายยุทธท กล่าวอีกว่า ผลประกอบการของบริษัทครึ่งปีหลังน่าจะยังเติบโตดี โดยเฉพาะไตรมาส 4 /50 คาดว่าจะออกมาดีมากกว่าไตรมาสอื่น ๆ ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วง high season เพราะเป็นช่วงเทศกาลของงานพิมพ์ทุกอย่าง
สำหรับผลพวงในช่วงการเลือกตั้ง แต่ละพรรคการเมืองก็คงจะมีงานจ้างพิมพ์เพิ่มเข้ามาบ้าง แต่บริษัทก็ไม่ได้ตั้งความหวังกับงานจากฝ่ายการเมืองมากนัก เพราะขณะนี้แต่ละพรรคก็ยังตั้งพรรคไม่สำเร็จ
ในปี 50 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตประมาณ 8-10% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณ 683 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้แล้วกว่า 300 ล้านบาท และขณะนี้ยังมีงานจากลูกค้าประจำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาด้วย คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้
"ณ ตอนนี้ก็ยังคงเป้าเติบโต 8-10% ยังไม่มีปัญหาแม้ว่าเศรษกิจชะลอบ้าง เนื่องจากบริษัทมีงานรับจ้างพิมพ์ซึ่งเป็นงานประจำ 80-90% เราไม่ได้เอาแต่งานจร ส่วนใหญ่เป็นงานพิมพ์ที่ทำเป็นประจำทุกวันทุกเดือนอยู่แล้ว ดังนั้น valuation ความผันผวนของเราไม่ค่อยมีเพราะมีงานประจำเยอะ"นายยุทธ กล่าว
กลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ เครือผู้จัดการ, บมจ.ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ โฮลดิ้งส์ (TRAF), บมจ.อาร์เอส (RS) และ บริษัท แอมเวย์ รวมถึงหน่วยงานราชการที่เป็นพวกแบบเรียนต่างๆ โดยแอมเวย์ถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 10%
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--