นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง (BLS) กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกล่าสุด เห็นได้จากค่าเฉลี่ย PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมในกลุ่มประเทศอาเซียนลดลง เป็นผลมาจากจำนวนผู้ฉีดวัคซีนในอาเซียนยังค่อนข้างต่ำ โดยประเทศไทยมีผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสเพียง 10% ของประชากรทั้งหมด เศรษฐกิจจึงเกิดการชะลอตัว และกำลังซื้อของผู้บริโภคหายไป ทำให้ต้องใช้เวลามากขึ้นในการฟื้นตัว
ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงเห็นภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกไม่เท่ากัน โดยกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่จะฟื้นตัวและเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติได้เร็วกว่า เช่น สหรัฐฯ ยุโรป จีน หรือ ญี่ปุ่น โดยจะค่อยๆ ปรับนโยบายการเงินกลับเข้าสู่ภาวะปกติ รวมทั้งพิจารณาลดมาตรการช่วยเหลือและนโยบายการเงินต่าง ๆ ให้กลับไปอยู่ในระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19
ขณะที่ทางกลุ่มประเทศอาเซียนยังคงฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก ดังนั้น มาตรการช่วยเหลือและนโยบายการเงินจึงยังต้องอยู่ในระดับเดิม เช่น การควบคุมอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ไม่เท่ากันจะทำให้ประเทศกลุ่มอาเซียนมีความเสี่ยงเผชิญภาวะ Stagflation (เศรษฐกิจโตน้อยแต่อัตราเงินเฟ้อสูง) อีกด้วย
สำหรับในประเทศไทยมีการปรับลดคาดการณ์อัตราเติบโตเศรษฐกิจ (GDP) ลงมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานอื่น ๆ ตั้งแต่การระบาดระลอกพื้นที่มหาชัย จนปัจจุบัน GDP ถูกปรับลงมาเหลือเพียง 0.8% เนื่องจากการจัดหาวัคซีนที่ล่าช้าและไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาช่วงครึ่งปีหลังไม่เป็นไปตามที่เคยตั้งเป้าไว้ 1 ล้านคน และยังมองว่าในช่วงปี 65 นักท่องเที่ยวคงยังไม่กลับไปเท่ากับช่วงก่อนโควิดได้ที่ราว 40 ล้านคน/ปี
นอกจากนี้การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังส่งผลกระทบต่อระบบจัดส่งสินค้า และท่าเรือ ซึ่งเริ่มกระทบกับ Supplychain ส่งผลให้บางอุตสาหกรรมต้องชะลอหรือหยุดผลิตเป็นบางช่วงอีกด้วย
"เรามองว่าตอนนี้ทุกภาคส่วนยังกังวลกับความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้คาดการณ์ตัวเลขต่าง ๆ ค่อนข้างยาก แต่แนวโน้ม GDP ของไทยในไตรมาส 3-4/64 มีแนวโน้มจะติดลบ ครึ่งปีหลังที่เหลือยังคงต้องอาศัยภาคการส่งออกและการลงทุนของภาครัฐประคองไว้และไปฟื้นตัวขึ้นในปีหน้า โดยปีหน้าเรามองว่านักท่องเที่ยวอาจมีจำนวนเพียง 2 ล้านคนเท่านั้น แต่ถ้าเกิดภาครัฐมีมาตรการจัดการที่ดีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นกว่านี้ ก็ถือว่าเป็นอัพไซด์ และเราคาดการณ์ว่าช่วงกลางปี 65 ประชากรไทยจะได้รับการฉีดวัคซีนโดสสองราว 40-50% จากประชากรทั้งหมด" นายชัยพร กล่าว
นายชัยพร ให้เป้าหมายดัชนี SET ในปีนี้ที่ 1,605 จุดและปีหน้าที่ 1,784 จุด พร้อมแนะนำการปรับพอร์ตในช่วงปี 64-65 เพื่อรับมือการลงทุนฝ่าวิกฤตโควิด-19 นี้ โดยแนะนำหุ้น 2 กลุ่ม คือ 1) หุ้นกลุ่ม Global Growth : อิงกับการเติบโตของสินค้าในตลาดโลก เน้นสินค้ากลุ่มส่งออกเป็นหลัก ได้แก่ TU, KCE, HANA หรือ CBG และ 2) หุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น กลุ่มธนาคาร การเงิน หรือกลุ่มที่เกี่ยวกับการเปิดเมือง ได้แก่ M, TISCO, KKP, AMATA, BH, CPN, OR , CRC
"ตอนนี้คิดว่าควรปรับพอร์ตอิงไปกับตัวเลขผู้ติดเชื้อ โดยน้ำหนักหุ้นในพอร์ตสัก 70% น่าจะเป็นหุ้นกลุ่ม Global Growth และอีก 30% ที่เหลือ เป็นหุ้นกลุ่ม Domestic Play แต่ถ้าภาครัฐสามารถจัดการโควิด-19 ในประเทศได้ดีขึ้น มีการเดินหน้าฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง ยอดผู้ติดเชื้อมีจำนวนลดลง ก็ค่อยๆเพิ่มสัดส่วนพอร์ต Domestic Play ในอนาคต"นายชัยพร กล่าว