นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป (ZEN) คาดว่า ทิศทางผลประกอบการในไตรมาส 3/64 จะเป็นช่วงที่ต่ำสุดของปีนี้ โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่สำคัญของประเทศ แต่ยังเชื่อมั่นว่าจะกลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 4/64 หลังจากประเทศไทยมีวัคซีนเข้มมามากขึ้น และปัจจุบันมีจำนวนผู้ฉีดวัคซีนใน กทม.แล้วมากกว่า 85% อีกทั้งมีการนำเข้าชุดตรวจ ATK มาให้กับประชาชน ซึ่งจะทำให้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ลดความรุนแรงลง
ขณะที่บริษัทยังเตรียมแผนงานที่จะเดินหน้าโมเดลธุรกิจใหม่เพื่อตอบสนองลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเตรียมเปิดแบรนด์ใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง คือ "เขียง แกงใต้" ซึ่งจะเป็นเมนูอาหารภาคใต้ ราคาเริ่มต้นที่ 60 บาท และ "โต้รุ่ง" ที่นำสูตรจากร้านอาหารชื่อดังทั่วประเทศกว่า 70 ร้านมาจำหน่าย โดยทั้ง 2 แบรนด์จะจัดจำหน่ายผ่าน ร้านเขียง ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 93 สาขาทั่วประเทศ และจะเร่งขยายเพิ่มอีกในช่วงครึ่งปีหลัง
นายบุญยง กล่าวว่า ในช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมา บริษัทได้จัดทำโมเดล Cloud Kitchen สร้างครัวกลางนอกพื้นที่ศูนย์การค้า ซึ่งมีค่าเช่าไม่สูงและได้รับกระแสตอบรับจากของลูกค้าเป็นอย่างดี พร้อมกันนั้นบริษัทขยายจุดให้บริการ Delivery ให้ครอบคลุมมากขึ้น และเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอีกในครึ่งปีหลัง ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วทั้งหมด 5 แห่ง
สำหรับช่องทาง Delivery มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงล็อกดาวน์ เนื่องจากบริษัทได้ออกโปรโมชั่นใหม่ทุกเดือนเพื่อดึงดูดลูกค้า พร้อมทั้งปรับรูปแบบอาหารให้เข้ากับบริการ Delivery มากขึ้น เช่น เมนูในรูปแบบเซ็ทอาหารหรือข้าวกล่อง ซึ่งจากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าว ทำให้คาดว่ารายได้จากช่องทาง Delivery จะเพิ่มขึ้นแตะ 400 ล้านบาทได้ภายในปีนี้
อีกทั้งบริษัทยังทำแอพพลิเคชั่น Zen Group Sookciety ซึ่งลูกค้าสามารถสั่งอาหารในทุกแบรนด์ของ ZEN ได้ภายในแอพพลิเคชั่นนี้ และแอพลิเคชั่นดังกล่าวยังทำให้บริษัททราบถึงข้อมูลของลูกค้าเพื่อนำมาปรับใช้กับกลยุทธ์ทางการตลาดได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าว่าปีนี้จะมีฐานลูกค้าไม่ต่ำกว่า 2 แสนราย
นายบุญยง กล่าวอีกว่า ด้านรายได้จากธุรกิจ Retail Products จะเติบโตอย่างต่อเนื่องภายหลังจากบริษัทได้เข้าซื้อโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังก็จะมีการออก SKU ใหม่ๆ ในกลุ่มสินค้าน้ำพริกและน้ำจิ้ม เพื่อตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการประกอบอาหารอยู่ที่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้ในปีนี้คาดว่ายอดขายจากธุรกิจ Retail Products จะทำได้มากกว่า 100 ล้านบาท