นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ที คิว อาร์ (TQR) เปิดเผยว่า บริษัทจัดตั้งบริษัท อาร์สแควร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท คอร์สสแควร์ จำกัด โดย TQR ถือหุ้น 55% เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และการเรียนรู้ออนไลน์ (Online Learning Solutions) โดยนำเทคโนโลยีที่สามารถระบุตัวตนผู้ใช้งาน (Face Detection and Face Recognition) มาใช้งาน ซึ่งจะเป็นเทคโนโลยีที่สามารถช่วยในการตรวจสอบ และระบุตัวตนผู้เข้าอบรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวได้มีการนำมาพัฒนาใหม่ให้มีความเหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานของบริษัท ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการจดแจ้งลิขสิทธิ์เทคโนโลยีต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 3/64
"ธุรกิจใหม่ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อ โดยจะเป็นธุรกิจที่ให้บริการ และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อการศึกษาฯ สำหรับการอบรมผ่าน web application ที่จะทำให้การเข้ารับการอบรมสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องสถานที่ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนได้มาก ขณะเดียวกัน ยังมีเทคโนโลยีที่ใช้ในการช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เข้าอบรม (Learner behavior) เข้ามาเสริมอีกด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของผู้เข้าอบรมให้มากยิ่งขึ้น ขณะที่เทคโนโลยีที่นำมาใช้มีความซับซ้อน ดังนั้น ผู้ที่จะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีได้ต้องเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจ และความเชี่ยวชาญเท่านั้น"
นายชนะพันธุ์ กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้าหมายลูกค้ากลุ่มแรก จะเป็นกลุ่มบริษัทประกันภัยและหน่วยงานฝึกอบรมต่างๆ ที่ให้บริการจัดการอบรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีลูกค้าได้แสดงความสนใจแล้ว โดยคาดว่าจะมีจำนวนผู้เข้ามาใช้งานในเทคโนโลยีใหม่ไม่ต่ำกว่า 20,000 คน ดังนั้น จึงน่าจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/64 ซึ่งมั่นใจว่าธุรกิจใหม่จะช่วยสนับสนุนทั้งรายได้และกำไรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว
นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TQR กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจให้บริการและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษายังมีโอกาสเติบโตได้ดี เนื่องจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย ประกอบกับองค์กร หน่วยงานต่างๆ รวมถึงผู้บริโภค มีการปรับตัวในการใช้ระบบออนไลน์ในการทำงานมากขึ้น รวมถึงการขยายตัวของอาชีพตัวแทน/ นายหน้าประกันภัยในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ถือใบอนุญาตตัวแทน/นายหน้าประกันภัยประมาณ 500,000 คน โดยการได้รับใบอนุญาตนั้น ต้องได้รับการอบรมและการสอบใบอนุญาต รวมถึงการอบรมเพื่อต่อใบอนุญาตจากสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย หรือบริษัทประกันภัยอีกด้วย
"เรามองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจใหม่ จึงได้นำเทคโนโลยี Face Detection and Face Recognition เข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมประกันภัย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และในอนาคต คาดว่า จะพิจารณาขยายการให้บริการไปสู่ภาคธุรกิจอื่นๆ ที่มีความต้องการจัดการอบรมและการเรียนการสอน เช่น การอบรมการทำใบขับขี่ การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย และการพัฒนาบุคลากรในองค์กรต่างๆ เป็นต้น ซึ่งเชื่อมั่นว่า การลงทุนในครั้งนี้ จะช่วยผลักดันผลงานให้เติบโตอย่างมั่นคง"