นายสมโภชน์ วัลยะเสวี กรรมการบริหาร บมจ.เอเซีย พรีซิชั่น (APCS) คาดผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/64 มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากธุรกิจหลักมีการเติบโตทิศทางที่ดี นำโดย ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนโลหะความเที่ยงตรงสูง (Precision Metal Parts) ที่คาดว่าในไตรมาส 3/64 จะสามารถสร้างยอดขายเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 210-215 ล้านบาท ซึ่งอาจใกล้เคียงหรือเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ทำได้ 207 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่ายอดขายจากกลุ่มธุรกิจ AUTO ปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 800 ล้านบาท โดยจะมุ่งเน้นขยายพอร์ตสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น บิ๊กไบค์, อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ที่มีมาร์จิ้นในระดับที่สูงประมาณ 25% โดยวางเป้าหมายจะยกระดับให้มาร์จิ้นแตะที่ 35% ดังนั้น การมุ่งเน้นสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง ทำให้มีความเป็นไปได้สูงเมื่อได้รับออเดอร์สินค้ากลุ่มดังกล่าวเข้ามาแบบ Big lot
อีกทั้งในครึ่งหลังปีนี้ธุรกิจที่ปรึกษาและก่อสร้าง (EPC) มีอัตราเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ โดยจากข้อมูลการเงินจะพบว่า จะมีการส่งมอบงานในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จำนวนหลายโครงการ
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือรอทยอยส่งมอบ (Backlog) แบ่งออกเป็นงานที่อยู่ระหว่างการออกแบบและดำเนินการก่อสร้าง (Awarded) มูลค่า 1,566 ล้านบาท, งานที่มีการเซ็นสัญญารับ (Confirmed) มูลค่า 987 ล้านบาท และงานที่พัฒนาหรือเข้าประมูลงานร่วมกับลูกค้า (Developing) มูลค่า 10,795 ล้านบาท เป็นต้น ขณะที่ส่วนของงานนั้น Developing บริษัทฯ ค่อนข้างมีประสบการณ์ และคาดว่าจะได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าไม่น้อยกว่า 30% หรือไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท
สำหรับในช่วงครึ่งแรกปีนี้ บริษัทฯ ได้รับงานมูลค่า 500 ล้านบาท จากมูลค่างานทั้งหมด อีกทั้งยังได้รับงานให้บริการด้านการบำรุงรักษาโรงงานขยะ (O&M) แบบสัญญาระยะยาว 20 ปี มูลค่า 3,452 ล้านบาท ทำให้คาดว่าจะทยอยรับรู้เข้ามาในปีนี้ประมาณ 120-130 ล้านบาท
"เรายังคงมีความมั่นใจว่าธุรกิจ EPC จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัทฯ ในปีนี้ได้ไม่น้อยกว่า 1,755 ล้านบาท แม้ว่าวิกฤติโรคระบาดที่เกิดขึ้นในเวียดนามจะรุนแรงและมีการล็อกดาวน์เมือง แต่มองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทแต่อย่างใด ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 เติบโตขึ้น เป็นการสะท้อนถึงการปรับตัวรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเน้นประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนดำเนินการและเพิ่มสัดส่วนธุรกิจที่มีกำไรขั้นต้นสูง"นายสมโภชน์ กล่าว
นายสมโภชน์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ คงเป้าหมายรายได้รวมในปี 64 จะไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท หรือเติบโต 40% เมื่อเทียบกับปี 63 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,138.09 ล้านบาท โดยตัวเลขผลประกอบการรวมของกิจการในไตรมาส 2/64 มีกำไรจากการดำเนินงาน 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 391.7% และมีกำไรสุทธิ 58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 422.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วน (AUTO) รายรับเพิ่มขึ้น 95.3% โดยการปรับปรุงประสิธิภาพการผลิตทำให้กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากขาดทุน 35 ล้านบาท เป็นกำไรจากการดำเนินงาน 57 ล้านบาท ส่วนธุรกิจวิศวกรรมและก่อสร้าง (EPC) รายรับเพิ่มขึ้น 73.6% กำไรดำเนินงานลดลงจาก 28 ล้านบาท เพิ่ม 9 ล้านบาท และธุรกิจจำหน่ายน้ำดิบ (Water) ปริมาณการขายน้ำที่เพิ่มขึ้น 15.4% ทำให้กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากขาดทุน 3 ล้านบาท เป็นกำไรจากการดำเนินงาน 10 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 64 บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 176 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 446.7% และมีกำไรสุทธิ 139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 271.6% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน โดยเป็นผลมาจากธุรกิจ AUTO มีรายรับเพิ่มขึ้น 40.9% และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ทำให้กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากขาดทุน 2 ล้านบาท เป็นกำไรจากการดำเนินงาน 103 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจ EPC รายรับเพิ่มขึ้น 30.5% ทำให้กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากขาดทุน 19 ล้านบาท เป็นกำไรจากการดำเนินงาน 61 ล้านบาท และธุรกิจ Water ปริมาณการขายน้ำที่เพิ่มขึ้น 100% ทำให้กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากขาดทุน 5 ล้านบาท เป็นกำไรจากการดำเนินงาน 23 ล้านบาท