หุ้นในกลุ่มเจมาร์ทและกลุ่มบีทีเอสขยับขึ้น มีเพียง SINGER ลดลง โดยเมื่อเวลาประมาณ 10.05 น.
หุ้น U ราคาพุ่งขึ้น 5.66% มาอยู่ที่ 1.12 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท มูลค่าซื้อขาย 159.95 ล้านบาท
หุ้น VGI บวก 2.40% มาอยู่ที่ 6.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท มูลค่าซื้อขาย 38.17 ล้านบาท
หุ้น JMART บวก 2.14% มาอยู่ที่ 35.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 221.09 ล้านบาท
หุ้น BTS บวก 0.54% มาอยู่ที่ 9.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท มูลค่าซื้อขาย 23.26 ล้านบาท
ขณะที่หุ้น SINGER ลบ 0.623.73% มาอยู่ที่ 40.00 บาท ลดลง 0.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 108.95 ล้านบาท
บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ตามที่บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(BTS) ส่งบริษัทลูก บมจ.วีจีไอ (VGI) และบมจ.ยู ซิตี้ (U) เพิ่มทุน PP ใน บมจ.เจ มาร์ท (JMART) และ บมจ. ซิงเกอร์ ประเทศไทย (SINGER) เพื่อเพิ่ม Synergy ในระยะยาว โดยมีรายละเอียดคือ
VGI เพิ่มทุน JMART จำนวน 206 ล้านหุ้น ในราคาจองซื้อหุ้นละ 30.3370 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 6 พันล้านบาท ทำให้ถือหุ้น 15% โดย VGI จะกู้ยืมมาลงทุนประมาณ 95%
ส่วน U เพิ่มทุน JMART จำนวน 136 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 4 พันล้านบาท ทำให้ U จะถือหุ้น JMART ที่ 9.9% และเพิ่มทุน SINGER จำนวน 197 ล้านหุ้น ในราคาจองซื้อหุ้นละ 36.3005 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 7 พันล้านบาท ทำให้ U จะถือหุ้น SINGER ที่ 24.9% โดย U จะกู้ยืมมาลงทุนประมาณ 80%
ฝ่ายวิจัยมองเป็นบวกต่อ Synergy ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น โดยเรียงลำดับผู้ที่ได้รับผลบวกจากมากไปน้อยได้แก่ VGI, JMART, SINGER และ BTS โดย VGI (ถือ/เป้า 6.60 บาท) จะได้ประโยชน์จาก Ecosystem คือขยายจุดจำหน่ายสินค้าของ Fanslink จาก online สู่ offline stores ผ่านช้อป JMART และคาดกลุ่ม JMART ใช้บริการ transit media ของ VGI ทั้งนี้ ประเมินว่า VGI จะมี upside ประมาณ +15-16% สำหรับการรับรู้แบบ equity income หรือ dividend income
ขณะที่ JMART จะได้ผลบวกจากร้าน pop-up store ที่เพิ่มขึ้นในสถานี BTS และมีเงินทุนรองรับการ exercise warrant ของ JMT และ SINGER
SINGER (ซื้อ/เป้า 50.00 บาท) จะมีเงินทุนเพิ่มสำหรับการขยายสินเชื่อ โดยประเมินว่าสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1.0 พันล้านบาท จะคิดเป็น upside ต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ที่ +8%
ด้าน BTS (ถือ/เป้า 10.50 บาท) คาดได้ผลบวกเล็กน้อยคิดเป็น upside ต่อปี 66 เพียง +1%