MACO เน้นงานมาร์จิ้นดีรักษารายได้-กำไรปีนี้,สรุปเลือกพันธมิตรตปท.Q1/51

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 8, 2007 15:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายนพดล ตัณศลารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มาสเตอร์ แอด(MACO)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"โดยคาดว่าในปี 50 บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีกำไรสูงกว่าปีก่อน หรืออย่างน้อยก็ต้องเท่ากัน เนื่องจากบริษัทเน้นการรับงานที่มีมาร์จิ้นสูง และไม่ได้ให้ความสำคัญกับการทำรายได้เพิ่มเท่ากับด้านกำไร 
"เราจะพยายามทำให้อย่างน้อยรายได้เท่าปีที่แล้ว หรือมีกำไรเท่ากัน ไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่ง...ผมว่ากำไรน่าจะใกล้เคียงปีที่แล้ว เรื่องรายได้เราไม่ค่อยสนใจ เราสนใจเรื่องกำไรมากกว่า เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นโครงการอะไรก็ตามเราจะเน้นที่กำไร จะเลือกรับงานที่มีมาร์จิ้นมากๆ"นายนพดล กล่าว
ปี 49 MACO มีรายได้ 558.51 ล้านบาท กำไรสุทธิ 30.24 ล้านบาท
นายนพดล กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ เป็นงานติดตั้งป้ายโฆษณาขนาดกลางให้กับสินค้าชนิดหนึ่งใน 69 จังหวัดๆละ 3 ป้าย รวม 207 ป้าย มูลค่าปีละ 70 ล้านบาท สัญญามีอายุ 3 ปี รวมเป็น 210 ล้านบาท คาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จ 100% ในเดือน พ.ย.นี้ เริ่มรับรู้รายได้บางส่วนในไตรมาส 4 ปี 50 และไปรับรู้รายได้เต็มที่ใน ม.ค.51
นอกจากนี้ ยังมีงานที่กำลังเจรจากับอีกหลายราย ส่วนใหญ่เป็นเอกชน คาดว่าเร็วๆ นี้จะมีข้อสรุป
*ยอมรับได้ประโยชน์จากเลือกตั้งไม่มากหลังมีกฎห้ามขึ้นป้ายใหญ่
นายนพดล กล่าวว่า แม้ว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือน ธ.ค.นี้ น่าจะมีเม็ดเงินสะพัดในการธุรกิจโฆษณาประมาณพันล้านบาท แต่บริษัทอาจจะได้รับอานิสสงส์เพียงเล็กน้อยในส่วนของการเข้าไปรับจ้างผลิตและติดตั้งป้ายโฆษณาขนาดเล็กในที่สาธารณะตามขนาดมาตรฐานที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)กำหนด
"ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่ผู้สมัครรับเลือกตั้งคงจะทำป้ายหาเสียงตามขนาดที่ กกต.กำหนดเยอะพอสมควร..ซึ่งในงบ 1.5 ล้านบาท น่าจะถูกนำมาใช้ทำป้ายขนาดเล็กขนาดกลางประมาณ 5 แสนบาท พรรคใหญ่ๆ ประมาณ 5 พรรค ส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ และปาร์ตี้ลิสต์พรรคละประมาณ 500 คน ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะมีเงินเข้ามาในธุรกิจการทำป้ายประมาณพันกว่าล้าน"นายนพดล กล่าว
นายนพดล กล่าวว่า กฎระเบียบเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งได้กำหนดการโฆษณาหาเสียงของนักการเมืองไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามติดตั้งป้ายโฆษณาหาเสียงในพื้นที่เอกชนไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือใหญ่ เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเพื่อป้องกันการได้เปรียบเสียเปรียบของผู้รับสมัครเลือกตั้ง
ดังนั้น ส่งผลให้ป้ายโฆษณาบิลบอร์ดต่างๆซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในพื้นที่เอกชนใช้ไม่ได้ แต่สำหรับพื้นที่สาธารณะเช่น เสาไฟฟ้า ต้นไม้ กำแพงถึงจะสามารถติดป้ายหาเสียงได้ เนื่องจาก กกต.กำหนดขนาดของป้ายโฆษณาไม่เกิน 2 ม.x 2.35 ม. ซึ่งทุกๆ พรรคจะต้องปฏิบัติตามนี้เหมือนกันหมด
*แนวโน้มธุรกิจป้ายโฆษณาปี 51 มีโอกาสเติบโตดี
นายนพดล กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจป้ายโฆษณาในอนาคต มีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นและแซงหน้าโฆษณาประเภทอื่นๆ จากหลายๆปัจจัย เช่น Lifestyle, การพัฒนาเศรษฐกิจและบ้านเมือง ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาสื่อ เพราะ Lifestyle เปลี่ยน รูปแบบของการผลิตสื่อก็เปลี่ยนไปด้วย
อนึ่ง ธุรกิจโฆษณาในปี 49 ตลาดรวมมีมูลค่าประมาณ 8-9 หมื่นล้านบาท ซึ่งป้ายโฆษณาคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5% ของตลาดรวม โดยปัจจุบัน MACO ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 18-19% จากป้ายโฆษณาประมาณ 1 พันป้าย แบ่งเป็นป้ายขนาดใหญ่ประมาณ 200-300 ป้าย
ขณะที่อันดับ 2 ส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ประมาณ 10% ต้นๆ คู่แข่ง เช่น Hello Design, P.J.Design ฯลฯ
สำหรับสถานการณ์ธุรกิจโฆษณาในครึ่งหลังปี 50 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าน่าจะเติบโตในระดับเลขหลักเดียวเช่นเดียวกับครึ่งหลังของปี 2548-2549 ที่มีอัตราการเติบโตร้อยละ 1.6 ต่อปี และร้อยละ 4.8 ต่อปี ตามลำดับ โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวในครึ่งหลังปี 2550 น่าจะเติบโตประมาณร้อยละ 2-4
*คาด Q1/51 สรุปเลือกพันธมิตรตปท.จาก 2 เหลือ 1
นายนพดล คาดว่า ในช่วงไตรมาส 1/51 บริษัทจะสามารถสรุปผลการคัดเลือกพันธมิตรจากต่างประเทศเพื่อเข้ามาเสริมศักยภาพให้กับบริษัท จากขณะนี้กำลังเจรจาอยู่ 2 ราย โดยการคัดเลือกยึดหลักว่าจะต้องเป็นพันธมิตรทำธุรกิจใกล้เคียงกับบริษัท มีความพร้อมทั้งการเงิน เทคโนโลยี และ Knowhow
"เชื่อว่าน่าจะมี Contribution ในการทำให้เรามีศักยภาพและมีความพร้อมสูงมากขึ้น ส่วนจะสรุปได้เร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับเรา เราเป็นเจ้าสาวมีสิทธิ์เลือกคนที่ดีที่สุดที่จะมาแต่งงานด้วย ตอนนี้เรากำลังให้แต่ละรายนำเสนอว่าดีอย่างไร ถ้าดีและถูกใจเราก็โอเค ส่วนถ้าจะแลกกับ Board Seat หรือการเข้ามาช่วยมอนิเตอร์"นายนพดล กล่าว
ส่วน บมจ.ปิโก ไทยแลนด์ (PICO) ถือเป็นพันธมิตร เพราะผู้บริหารมีความสนิทสนามกันและมีธุรกิจร่วมกันอยู่
"กับ PICO เคยคุยกันเล่นๆว่าจะมารวมกันดีมั้ย แต่ยังตกลงเรื่องชื่อกันไม่ได้ว่าจะใช้ชื่อ"มาปิโก"หรือจะเป็น "ปิมาโก"ดี แต่ยังไม่เคยคุยกันจริงๆจังๆเลย...ผมว่าถ้าจะรวมกัน Synergy ต้องชัดมาก ถ้าไม่ชัด ต่างคนต่างทำงานมันก็ไม่เกิดประโยชน์"
บริษัทยังมีแนวความคิดจะนำหุ้นย้ายไปทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ SET ภายใน 1-2 ปีนี้
"ถ้าหากเรามีความจำเป็นต้องใช้เงิน และตอนนั้นเครดิตไลน์ด้านการเงินเราไม่พอแล้ว ก็คงต้องมีการระดมทุนในการเพิ่มทุนจดทะเบียน...คงจะดูความจำเป็นตามความเหมาะสม แต่น่าจะได้เห็นในปีสองปีนี้"นายนพดล กล่าว
ปัจจุบัน MACO มีทุนจดทะเบียน 125 ล้านบาท ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 125 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ