นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ (STI) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ จะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากช่วงปลายปีจะมีการเร่งการส่งมอบงานให้ทันตามเป้าหมาย รวมถึงรัฐบาลได้เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้มากขึ้น ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 น่าจะผ่อนคลายลง อีกทั้งโครงการต่างๆ ที่มีแนวโน้มจะลงทุนก่อสร้างมาตั้งแต่ต้นปี แต่ติดปัญหาเรื่องของโควิด-19 ก็เป็นจังหวะที่ดีที่จะกลับมาดำเนินการก่อสร้าง
แม้ว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 บ้าง แต่ไม่ถึง 100% เนื่องจากมีโครงการบางส่วนที่ไม่สามารถระงับการก่อสร้างทั้ง 100% ได้เพราะอาจก่อให้เกิดอันตราย ทำให้ภาครัฐก็มีการอนุโลมให้ดำเนินการได้ในบางส่วน รวมถึงยังมีอีกหลายโครงการที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีมาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง
ดังนั้น บริษัทจึงยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 15-20% จากปีก่อน โดยครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 867 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 36.7% เป็นผลมาจากการรวมงบการเงินของบริษัทในกลุ่มเข้ามาเต็มที่ทั้งปี คือ บริษัท เอเชียน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นท์ (AEC) ซึ่งประกอบธุรกิจที่ปรึกษา บริหารงาน และควบคุมงานก่อสร้าง ซึ่ง STI ถือหุ้น 63.75% จากปีก่อนที่เริ่มมีการบันทึกในช่วงเดือน เม.ย.63
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 4,125.3 ล้านบาท แบ่งเป็น งานภาครัฐ 77% และงานภาคเอกชน 23% คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ราว 2-3 ปี อีกทั้งมีงานอีกส่วนหนึ่งที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา ยื่นประมูลงาน เสนอโครงการ และยังมีโอกาสในการรับงานโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐและโครงการภาคเอกชน ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงปีหน้า ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะมีงานเข้ามาเพิ่มเติมช่วย สนับสนุนให้ Backlog ไม่น้อยไปกว่านี้แน่นอน
นอกจากนี้ บริษัทก็ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อกิจการ (M&A) ในกิจการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปัจจุบันก็เป็นไปในทิศทางบวก โดยจะพยายามดำเนินการให้มีข้อสรุปให้เร็วที่สุด
"ทิศทางอุตสาหกรรมงานก่อสร้าง เราคิดว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น ผลกระทบจากโควิด-19 ที่ผ่านมาก็เป็น Learning Curve ที่ทำให้งานก่อสร้างมีมาตรการในการควบคุม และส่งผลให้อุตสาหกรรมการก่อสร้างมีการพัฒนาตัวหรือปรับตัวดีขึ้น"นายสมเกียรติ กล่าว