(เพิ่มเติม) ZMICO ตั้งเป้า 1 ปีครึ่งมาร์เก็ตแชร์แตะ 4-5% พร้อมเพิ่มลูกค้าสถาบัน

          นายชัยภัทร ศรีวิสารวาจา ประธานกรรมการบริหาร บล. ซีมิโก้ (ZMICO) วางแผนงานระยะ 12-18 เดือนข้างหน้า ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดธุรกิจหลักทรัพย์(มาร์เก็ตแชร์)เป็น 4-5% จากปัจจุบันที่มีมาร์เก็ตแชร์ที่ 2.6-3.0% และจะขยายสัดส่วนลูกค้าประเภทสถาบันในและต่างประเทศให้มากกว่า 30% จากที่มีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นรายย่อยในสัดส่วน 85-90% 
          รวมทั้งแผนเพิ่มจำนวนมาร์เก็ตติ้งอีก 10% หรือประมาณ 30 คนจากปัจจุบันที่มีอยู่ 300 คน เพื่อเป็นการเสริมทีมในการขยายฐานลูกค้า 
          บริษัทยังจะเน้นธุรกรรมประเภท Fixed Income โดยเฉพาะตลาดตราสารหนี้ในกลุ่มบริษัทที่มีขนาดกลาง ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัท 2-3 ราย ขนาดแห่งละ 1 พันล้านบาท โดยจะเป็นตราสารหนี้อายุ 2-3 ปี 
          นอกจากนี้ การเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ ยังจะมาจากการขยายฐานลูกค้า ซึ่งการเปิดสาขา Cyber Branch ก็จะเป็นการเพิ่มสัดส่วนลูกค้าให้กับบริษัทได้ โดยล่าสุดบริษัทเปิดสาขาออนไลน์ ศูนย์ข้อมูลและบริการใหม่ล่าสุด cyber branch@all seasons ซึ่งถือเป็นศูนย์ข้อมูลและบริการออนไลน์แห่งใหม่ล่าสุดที่ลูกค้าสามารถส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น futures หรือ options ผ่านจอทางอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
          ขณะที่ในปีหน้ามีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มไม่ต่ำกว่า 3 สาขา โดย 1 สาขาจะเป็นแบบ Full Branch ที่เยาวราช ส่วนอีก 2 แห่งยังไม่สรุปรูปแบบ 
          นายชัยภัทร กล่าวต่อว่า ZMICO ยังสนใจที่จะเข้าร่วมลงทุนกับโบรกเกอร์ท้องถิ่นในเวียดนามและจีน เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศมีการเติบโตและมีความต้องการสูง และเป็นการขยายฐานต่างประเทศด้วย
          "ต่อไปนี้เราคงจะไม่มองการลงทุนในตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่เราจะมองหาธุรกิจอื่นด้วย เพื่อเป็นการเสริมรายได้ให้กับบริษัท ซึ่ง Fixed Income ถือเป็นธุรกิจเป้าหมายที่จะมีรายได้ในอนาคตในอัตราที่สูง"นายชัยภัทร กล่าว
          นายชัยภัทร กล่าวถึงผลการดำเนินในปีนี้ว่า น่าจะเห็นกำไรจากช่วงครึ่งปีแรกที่ขาดทุน โดยมองว่าในไตรมาส 4/50 จะมีกำไรต่อเนื่องจากไตรมาส 3/50 หลังวอลุ่มตลาดปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้ลูกค้ากลับมาซื้อขายมากขึ้น 
          นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการปรับแผนจากการขยายวงเงินปล่อยสินเชื่อมาร์จิ้นให้กับลูกค้าที่ปัจจุบันมี 1.3-1.4 พันล้านบาท โดยปรับเปลี่ยนให้เป็นการนำเงินไปสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่า โดยเบื้องต้นอาจจะลงทุนทั้งบริษัทในและนอกตลาดหลักทรัพย์ หรือการขยายไพรเวทอิควิตี้ ซึ่งมีผลตอบแทนสูงกว่า 
          ส่วนความคืบหน้าของการควบรวมกิจการเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทนั้น นายชัยภัทร ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจ โดยยังคงหารือกับบริษัทอื่นๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพูดคุยกับบริษัทหลักทรัพย์แห่งอื่น 5-6 รายทั้งที่เป็นบริษัทไทยและที่เป็นบริษัทร่วมทุนกับต่างประเทศ แต่คงยังไม่สามารถสรุปได้เร็วๆ นี้