นายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีเอ็ม อินโนเทค อินดัสตรี้ จำกัด (BMI) บริษัทลูกของ บมจ.บางกอกชีทเม็ททัล (BM) เปิดเผยว่า บทบาทของการใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ (Automation Machine) ของโรงงานมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการมองว่าการใช้เครื่องจักรอัตโนมัติจะช่วยเพิ่มประสิทธิผลของงาน เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และลดต้นทุนการผลิตได้ โดยเฉพาะกับธุรกิจขนาดย่อม (SME) ขณะที่ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ อย่างการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงส่งผลทำให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก โรงงานที่ต้องพึ่งพาแรงงานคน จำเป็นต้องจำกัดจำนวนคนทำงานลง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น จึงต้องปรับตัวด้วยการนำระบบเครื่องจักรอัตโนมัติมาใช้ และช่วยในการผลิตสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าได้ตามกำหนดเวลา
ดังนั้น BMI ในฐานะผู้รับออกแบบพัฒนาระบบอัตโนมัติสำเร็จรูป (Automation) และปรับปรุงเครื่องจักร ได้เล็งเห็นโอกาสในการทำธุรกิจดังกล่าว จึงมีแผนที่จะเดินหน้านำเสนองานการผลิตแบบสำเร็จรูปขนาดย่อม อาทิ ระบบงานเชื่อมที่เป็นหุ่นยนต์เชื่อม พร้อมJig& Fixture สำเร็จรูป, งานหยิบจับต่างๆ ฯลฯ ให้กับลูกค้าเอสเอ็มอีที่ต้องการใช้เครื่องจักรอัตโนมัติในโรงงานมากขึ้น รวมถึงลูกค้าเอ็สเอ็มอีที่กำลังประสบปัญหาด้านต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาแรงงานคนที่ไม่เพียงพอ สามารถนำระบบสำเร็จรูปไปใช้ได้ทันที ภายใต้งบประมาณที่ลูกค้าสามารถจ่ายได้
สำหรับเป้าหมายหลังจากที่ BMI รุกธุรกิจระบบสำเร็จรูป (Automation) มากขึ้น คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 50 ล้านบาท ภายในปีแรก โดยแผนการทำธุรกิจต่อไปในอนาคตของ BMI จะมีการขยายไลน์ธุรกิจ หรือ แตกไลน์ธุรกิจใหม่ต่อเนื่อง เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจของ BM ที่เป็นบริษัทแม่มากขึ้น รวมถึงวางแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หาก BMI มีการเติบโตมากขึ้นอีกด้วยในอนาคต
"แนวโน้มตลาดแรงงานคนที่มีทักษะ เชื่อว่าอนาคตจะไม่เพียงพอ ดังนั้นทางรอดของการดำเนินธุรกิจหรือ สิ่งที่จะมาช่วยผลักดันให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ คือ การปรับเปลี่ยนนำระบบอัตโนมัติสำเร็จรูป (Automation) เข้ามาใช้ในการผลิตมากขึ้น โดย BMI จะขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาเอสเอ็มอีเมืองไทยให้แข็งแกร่ง เสริมสร้างขีดศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลกได้ พร้อมเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน" นายจิรศักดิ์ กล่าว