(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก:ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 331.01 จุดหลัง FED ส่งสัญญาณลดดบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 29, 2007 06:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (28 พ.ย.) ซึ่งเป็นการปิดในแดนบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ หลังจากนายโดนัลด์ คอห์น รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดทะยานขึ้น 331.01 จุด หรือ 2.55% แตะระดับ 13,289.45 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดดีดขึ้น 40.79 จุด หรือ 2.86% แตะระดับ 1,469.02 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่มขึ้น 82.11 จุด หรือ 3.18% แตะระดับ 2,662.91 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.76 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 7 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.47 พันล้านหุ้น
รองประธานเฟดกล่าวในที่ประชุมสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่า "ภาวะผันผวนครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินเมื่อไม่นานมานี้อาจทำให้เศษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงมากกว่าที่ประเมินไว้ในเบื้องต้น อีกทั้งจะส่งผลให้เกิดภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อและภาคธุรกิจ"
นายไมเคิล เชลดอน นักวิเคราะห์จากสเปนเซอร์ คล้าก แอลแอลซีกล่าวว่า "การแสดงความคิดเห็นครั้งล่าสุดของรองประธานเฟดทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นวันที่ 11 ธ.ค.นี้ หลังจากที่เฟดได้อัดฉีดเม็ดเงินอีก 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าสู่ระบบการธนาคารเพื่อบรรเทาสภาพคล่องตึงตัว เมื่อวันพุธที่ผ่านมา"
"นักลงทุนมองว่าหากเฟดลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกก็จะช่วยบรรเทาภาระหนี้สินให้กับสถาบันการเงินที่ขาดทุนในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกหนี้ที่ขาดความน่าเชื่อถือ (ซับไพรม์) อาทิ ซิตี้กรุ๊ป และเฟรดดี แมค" นายเชลดอนกล่าว
อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกนั้น มาจากรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด ที่ระบุว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอลงในเดือนต.ค.และในช่วงครึ่งแรกของเดือนพ.ย. เพราะได้รับผลกระทบจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลง
นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลงถึง 3.80 ดอลลาร์ แตะระดับ 90.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ได้ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ หุ้นซิตี้กรุ๊ปปิดพุ่งขึ้น 6.5% เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับข่าวที่ว่าสำนักงานการลงทุนแห่งอาบูดาบีได้เข้าซื้อหุ้นในซิตี้กรุ๊ป ขณะที่หุ้นเฟรดดี แมค ทะยานขึ้น 14.3% และหุ้นแฟนนี เม พุ่งขึ้น 9.9% เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ