นายเสรี สินธุอัสว์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงไตรมาส 4/64 หากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศมีแนวโน้มคลี่คลายลงชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่ตั้งแต่ปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มลดลงและมีผู้รักษาหายป่วยกลับบ้านเพิ่มมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันภาครัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
ทั้งนี้ หากสถานการณ์เริ่มมีแนวโน้มกลับมาดีขึ้น บริษทอาจจะพิจารณาเปิดโครงการใหม่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เพิ่มอีก 1 โครงการ ซึ่วจะทำให้การเปิดโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 4/64 เพิ่มขึ้นเป็น 3 โครงการ มูลค่า 2.5 พันล้านบาท จากเดิมที่วางแผนจะเปิด 2 โครงการ มูลค่า 1.5 พันล้านบาท โดยที่ยังเป็นการเปิดโครงการแนวราบเป็นหลัก ซึ่งทำให้ทั้งปีนี้บริษัทจะเปิดโครงการทั้งหมด 10 โครงการ มูลค่า 7 พันล้านบาท จากแผนเดิม 9 โครงการ มูลค่า 6 พันล้านบาท โดยครึ่งปีแรกเปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 7 โครงการ มูลค่ารวม 4.5 พันล้านบาท
ขณะที่ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมาถือว่าชะลอตัวบ้างจากการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ที่มีความรุนแรงในช่วงไตรมาส 2/64 ถึงไตรมาส 3/64 ส่งผลให้การซื้อที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง ทั้งจากกำลังซื้อที่หดหายไปและผู้ประกอบการเองก็ชะลอการเปิดโครงการใหม่ๆ เพื่อรอดูสถานการณ์
แต่บริษัทยังมองว่าความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่ในตลาดมาก โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่ถือว่ายังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นจำนวนมาก จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการอยู่อาศัยของคนในประเทศที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่มากขึ้น ทำให้โครงการทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวมีคนเข้ามาซื้อมากขึ้น ซึ่งเป็นผลบวกต่อบริษัทที่ยังคงพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลัก
ในส่วนของยอดขายของบริษัทยังคงมั่นใจทำได้ตามเป้าที่วางไว้ 7 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะเห็นยอดขายที่กลับมาเติบโตอย่างโดดเด่นขึ้นในช่วงไตรมาส 4/64 หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศดีขึ้นอย่างชัดเจน และการผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดต่างๆ จะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมา ทำให้คนมีความมั่นใจและกลับมาซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ประกอบกับการเปิดโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 4/64 ของบริษัทที่จะเป็นส่วนเสริมเข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขาย
ด้านรายได้ บริษัทยังคงมั่นใจทำได้ตามเป้า 6 พันล้านบาทเช่นเดียวกัน หลังจากที่ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาทำรายได้ไปแล้วเกิน 50% ของเป้าหมาย 3.2 พันล้านบาทเล็กน้อย โดยที่บริษัทตั้งเป้าการโอนโครงการเฉลี่ยราว 1.4 พันล้านบาท/ไตรมาส ก็จะสามารถทำรายได้ตามเป้า โดยในเดือนก.ย.นี้ บริษัทจะมีการกลับมาโอนบ้านส่งมอบให้กับลูกค้าเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ผ่อนคลายมาตรการปิดแคมป์คนงานแล้ว ทำให้การก่อสร้างส่งมอบบ้านให้ลูกค้ากลับมาทำได้ปกติ และจะมีการทยอยรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เข้ามาทั้งหมดในช่วงครึ่งปีหลังนี้ที่ 1.1-1.2 พันล้านบาท