นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 132 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ตามแผนการขยายพอร์ตสินเชื่อได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และ การบริหารจัดการต้นทุนการเงินที่ดี ชูจุดแข็งมีทีมขายกระจายทั่วประเทศ และ ปัจจุบันมีร้านสาขา และ แฟรนไชส์รวมกว่า 2,800 แห่ง สนับสนุนให้ ณ สิ้นมิ.ย. 64 มีพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่อยู่ที่ 8,569 ล้านบาท โดยพอร์ตหลักเป็นพอร์ตสินเชื่อรถทำเงิน (C4C) 4,636 ล้านบาท ส่วนพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ (Hire purchase : HP) อยู่ที่ 3,933 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทมองว่าภาพรวมครึ่งปีหลังยังคงมีทิศทางการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากการบริหาร Product Mix และ การเปิดตัวสินค้าใหม่เติมพอร์ต รวมทั้งการเติบโตของสินเชื่อ C4C ในอัตราเร่งต่อเนื่อง ควบคู่การขยายธุรกิจประกัน ตั้งเป้าสิ้นปีนี้พอร์ตสินเชื่อโตทะลุ 10,000 ล้านบาท และ ในปี 2565 ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 15,000 ล้านบาท พร้อมกันนี้การปลดล็อกข้อจำกัดต้นทุนทางการเงินที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากแผนเพิ่มทุนแบบ RO และ PP โดยบมจ.ยู ซิตี้ (U) เข้ามาถือหุ้นครั้งนี้ สนับสนุนให้บริษัทฯ มีเงินเข้ามาราว 1.1 หมื่นล้านบาท โดยได้วางแผนนำเงินไปใช้คืนหนี้หุ้นกู้ในอีก 2 ปีข้างหน้าราว 3.3 พันล้านบาท ทำให้ค่าใช้จ่ายทางดอกเบี้ยลดลง และ เงินก้อนใหญ่อีกราว 7.7 พันล้านบาท จะนำไปใช้ในการปล่อยสินเชื่อ HP และ C4C ในช่วง 2 ปีจากนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ SINGER โตได้อย่างก้าวกระโดด
สำหรับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทลดลงมาอยู่ที่กว่า 0.5 เท่า จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 2.1 เท่า ส่งผลบวกต่อเครดิตเรทติ้งต่อไปในอนาคต ทำให้ฐานต้นทุนการเงิน และ ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ด้านบริษัทเอสจี แคปปิตอล (SGC) จำกัดซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SINGER จะเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 65 ทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในการขยายพอร์ตสินเชื่อให้เติบโตขึ้น สนับสนุนเป้าหมายการเป็นเบอร์ 1 ในแง่มูลค่าพอร์ตที่ใหญ่ที่สุด ด้วยสัดส่วนสินเชื่อรถทำเงินระดับ 70% ของพอร์ตภายใน 3-5 ปี จากนี้