นางสาวเกศรา เลิศพนาสรรค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี บมจ.ไทยโซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) ราว 2-3 โครงการที่มีการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว (COD) พร้อมรับรู้รายได้เข้ามาทันที คาดว่าจะสามารถปิดดีลภายในเดือนก.ย.-ต.ค.นี้ โดยราคาเฉลี่ยเท่ากับราคาเดิมที่เคยเข้าซื้อกิจการมา
ในอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทยังคงเป้าหมายจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยราว 50 เมกะวัตต์ผ่านการทำ M&A, การทำสัญญาขายไฟฟ้าในรูปแบบ Private PPA กับบริษัทในไทย และการขยายไปสู่ Waste to Energy ซึ่งปัจจุบัน TSE อยู่ระหว่างการศึกษา ขณะเดียวกันในต่างประเทศก็อยู่ระหว่างศึกษาโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในเวียดนามและประเทศอื่นๆ กำลังการผลิตราว 50-100 เมกะวัตต์ ซึ่งโดยรวมบริษัทคาดหวังว่าภายใน 5 ปีข้างหน้าจะสามารถเพิ่มกำลังผลิตเข้ามาอีก 100-200 เมกะวัตต์
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 บริษัทคาดว่าจะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการรับรู้รายได้จากการ COD โครงการโซลาร์ลอยน้ำ (Floating Solar Farm) ขนาดกำลังผลิตติดตั้งและเสนอขายไฟฟ้า 8 เมกะวัตต์ ในเขตอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เต็มไตรมาส หลังจาก COD ไปเมื่อ 25 พ.ค.64 และคาดจะส่งผลดีต่อเนื่องไปยังไตรมาส 4/64 ด้วย
รวมถึงโครงการที่ร่วมมือกับ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ก็ได้ดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพแล้วเสร็จไปเมื่อต้นปี ทำให้ปีนี้ Out put จะดีขึ้นค่อนข้างมาก ขณะที่หากเทียบผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 กับไตรมาส 2/64 ก็คาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงกัน และหากมีฝนตกน้อย ก็จะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นด้วย
ส่วนความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โอนิโคเบะในญี่ปุ่น ซึ่งเริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือน เม.ย.63 โดยมีธนาคารกรุงเทพ (BBL) เป็นผู้สนับสนุนวงเงินกู้โครงการดังกล่าวราว 8.6 พันล้านบาท ขนาดกำลังการผลิต 147 เมกะวัตต์ โครงการดังกล่าวมีสัญญาขายไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 25 ปี ปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้าไปแล้ว 30% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นราว 60% ปลายปีนี้ กำหนด COD ช่วงไตรมาส 4/65 ตามแผนเดิม