นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย กรรมการ บมจ. ปริญสิริ (PRIN) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ในปี 51 จำนวน 9 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยในแนวราบ และบริษัทจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียม นอกเหนือจากโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์
"ปีนี้โครงการที่เปิดส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งไม่สามารถปรับราคาขายได้ จากสถานการณ์การเมือง เศรษฐกิจ รวมทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นจากการโฆษณา แต่อย่างไรก็ตามการที่บริษัทลงทุนงบโฆษณา คอนโดฯ เชื่อว่าจะส่งผลยอดขายให้กลับบริษัทในปีหน้าให้เพิ่มขึ้น
สำหรับช่วงปลายปีนี้ไตรมาส 4/50 บริษัทจะเปิดอีก 3 โครงการ โดย 2 โครงการจะอยู่ในย่านประชาชื่นและซอยสามัคคี ส่วนอีกโครงการอยู่ระหว่างเลือกทำเล เมื่อรวมกับโครงการที่เปิดไปแล้วในปีนี้ 9 โครงการ และโครงการ"สมาร์ทคอนโดฯ พระราม 2" ที่จะเปิดจองระหว่างวันที่ 17-18 พ.ย.นี้ รวมเป็นโครงการที่จะเปิดในปีนี้จำนวน 13 โครงการ และคาดว่าจะทำให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมาย
ส่วนโครงการ"สมาร์ทคอนโดฯ พระราม 2"ที่จะเปิดจองในเร็วๆ นี้ บริษัทคาดหวังว่าจะมียอดจองกว่า 1 พันล้านบาท
นายชัยวัฒน์ กล่าวถึงความคืบหน้าการเข้าไปลงทุนที่เวียดนามผ่านบริษัท ปริญเวนเจอร์ จำกัด ซึ่งร่วมทุนระหว่าง ปริญสิริ ซึ่ง และบมจ. ยูนิ เวนเจอร์(UV) ในสัดส่วน 51:49 ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสทางธุรกิจ คาดว่าจะได้ข้อสรุปรูปแบบการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 51
ทั้งนี้ เบื้องต้นการลงทุนมี 2 แนวทาง คือเข้าไปลงทุนเอง หรือหาพันธมิตร โดยหากลงทุนเองคาดว่าจะใช้เงินราว 500-1,000 ล้านบาท
"ได้ไปดูพื้นที่ที่เวียดนาม ถือว่ามีความต้องการสูง และการไปลงทุนเวียดนามยังเป็นการเพิ่มช่องทางในการหารายได้ นอกจากนี้บริษัทยังสนใจที่จะไปลงทุนที่อินเดีย และตะวันออกกลางด้วย" นายชัยวัฒน์ กล่าว
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า การเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้น(Gross Margin)ของบริษัทในปีหน้าปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 31% จากปีนี้ที่คาดว่าจะลดเหลือ 25% เนื่องจากโครงการคอนโดฯ มีมาร์จิ้นที่ 35% ขณะที่บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์อยู่ที่ 25%
นายนำชัย วนาภานุเบศ ผู้ช่วยกรรมการผู้ชัดการ PRIN กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทน่าจะมียอดรับรู้รายได้เติบโตอย่างโดดเด่น เพราะมีหลายโครงการที่ต้องเลื่อนไปโอนในปีหน้า เนื่องจากไม่สามารถดำเนินการได้ทัน และโครงการคอนโดมิเนียมทำให้มีรายได้เข้ามาเร็ว ซึ่งบริษัทจะมีการสร้างแบรนด์ออกมามากขึ้น โดยจะใช้งบฯ ราว 120 ล้านบาท และใช้งบลงทุนซื้อที่ดินประมาณ 2 พันล้านบาท
นอกจากนี้ อยู่ระหว่างศึกษาการปรับราคาขายบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ที่มีราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท เพื่อเป็นการขยายตลาดสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีบ้าน
ยอดรับรู้รายได้ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 3 พันล้านบาท ลดลงจากเป้าที่ตั้งไว้ 4 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมียอดโอนที่ไม่สามารถโอนได้ทันได้ปีนี้ประมาณ 500 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์เป็นหลัก ส่วนยอดขายในปีนี้เชื่อว่ายังรักษาไว้ที่ 6 พันล้านบาทได้ โดย ณ สิ้นต.ค.มียอดขายแล้ว 5.3 พันล้านบาทจึงเชื่อว่าจะทำได้ตามเป้าที่วางไว้
นายนำชัย กล่าวถึงการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท โดยคาดว่จะเลื่อนแผนการขายหุ้นเพิ่มทุนไปเป็นปีหน้า เนื่องจากกังวลว่า จะได้ราคาต่ำ ซึ่งขณะนี้ราคา ASCON ในกระดานอยู่ที่ 3 บาทกว่า
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/นิศารัตน์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--