นางสุนทรี จรรโลงบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เทคโนเมดิคัล (TM) เปิดเผยว่า จากการเดินเกมรุกในการตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ฆ่าเชื้อโควิด-19 แบบครบวงจรในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทได้ประเมินภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 3/64 มีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/64 เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายชุดตรวจเชื้อโควิด-19 (Antigen test kit) ที่เริ่มจำหน่ายมาตั้งแต่เดือน ก.ค.ทั้งแบบ professional use และ home use ส่งผลให้ยอดออเดอร์จากกลุ่มสมาคมร้านขายยาเวชภัณฑ์ กลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน ทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดรับกับยอดออเดอร์จากกลุ่มโรงพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลรัฐบาล และโรงพยาบาลเอกชน โดยบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่มากกว่า 1,000 แห่งก็มีดีมานด์เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
ขณะที่ยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ป้องกันโควิด เช่น น้ำยาฆ่าเชื้อ เจลล้างมือ สเปรย์ปรับอากาศฆ่าเชื้อโรค รวมถึงหน้ากากอนามัย ยังคงมียอดออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จากปัจจัยบวกดังกล่าว ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าภาพรวมของผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 มีโอกาสปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
แม้ว่าภาครัฐมีมาตรการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยให้ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอล ร้านนวด และคลินิกเสริมความงาม กลับมาเปิดให้บริการได้ แต่พนักงาน รวมถึงผู้ให้บริการต่างๆ ยังมีความจำเป็นต้องตรวจหาโควิด-19 ทุก 7 วัน ดังนั้น มองว่าความต้องการ Antigen test kit ต่อจากนี้ไปจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของทุกคน ควบคู่ไปกับอุปกรณ์ป้องกันโควิด อย่าง น้ำยาฆ่าเชื้อ เจลล้างมือ สเปรย์ปรับอากาศฆ่าเชื้อโรค รวมถึงหน้ากากอนามัย ส่งผลให้กลุ่มสินค้าดังกล่าวมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้น บริษัทยังคงมุ่งเน้นในการนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้ามาจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการป้องกันการติดเชื้อไวรัส ได้แก่ การเตรียมจำหน่ายสเปรย์พ่นจมูกเพื่อป้องกันโควิด-19 ยี่ห้อ TAFFIX จากประเทศอิสราเอล รวมถึงผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรฟ้าทะลายโจร และกระชายขาว ซึ่งบริษัทมีผู้แทนจำหน่ายกว่า 50 ราย ที่เข้าถึงองค์กรขนาดใหญ่ โรงพยาบาล และผู้บริโภคโดยตรงอยู่แล้ว ดังนั้นจากปัจจัยในข้างต้น ยิ่งตอกย้ำให้ความเป็นผู้นำและตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ครบวงจรระดับต้นๆของประเทศ ส่งผลให้บริษัทยังตั้งเป้าอัตราการเติบโตในปี 64 ที่ 700 ล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาลเฉพาะทาง ภายใต้โครงการ "THE PARENTS" โดยลงทุนผ่านบริษัทในเครือ บริษัท ทีเอ็ม เนิร์สซิ่ง แคร์ จำกัด (TMNC) คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการในเชิงพาณิชย์เพื่อดำเนินธุรกิจบริการด้านการดูแลและฟื้นฟูสุขภาพของผู้สูงอายุได้ภายในช่วงปลายปี 66 ดังนั้นตั้งแต่ปี 67 บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้ที่สร้างมูลค่าเพิ่มในส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) เข้ามาเฉลี่ย 100?150 ล้านบาท/ปี