นายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โปรเอ็น คอร์ป (PROEN) เปิดเผยว่าภายในไตรมาส 4/64 บริษัทเตรียมจดทะเบียนตั้ง 2 บริษัทย่อย คือ บริษัท โปรเอ็น พยัคฆ์ อินโนเวชั่น จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการคลาวด์ (Cloud) ซึ่งมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เห็นได้จากรายได้ธุรกิจ Cloud ในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 18.90 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 1,812% จากช่วงเริ่มต้นในไตามาส 4/63 ที่มีรายได้ 1 ล้านบาทเท่านั้น
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 3/64 บริษัทจะเปิดให้บริการ Cloud แบบเติมเงิน เป็นการจ่ายเงินตามการใช้งานจริง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุค New Normal ซึ่งหันมาทำงานที่บ้านมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเข้าบริการได้ง่ายขึ้น จากเดิมซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องค่าใช้จ่ายสูง โดยจะมีทั้งบริการด้าน Private Cloud, Public Cloud, Hybrid Cloud และ Multi-Cloud ตอบสนองลูกค้าได้ครบทุกกลุ่ม
และอีก 1 บริษัท คือ บริษัท แอสเซท คอยน์ จำกัด ดำเนินธุรกิจพัฒนาและบริหารแพลตฟอร์มให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิตัล โดยลงทุนสร้างแพลตฟอร์มบล็อกเชน และคริปโตฯ ของบริษัทเอง เพราะมองว่าตลาดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยขณะนี้ได้มีการเดินหน้าดำเนินงานไปบางส่วนแล้ว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ช่วงปลายปี ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนั้น บริษัทยังคงมองหาโอกาสการเติบโตใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาพัฒนาธุรกิจใหม่แพลตฟอร์มเกี่ยวข้องกับการบริการและโซลูชั่นด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์ โดยใช้ระบบ GPS ในการควบคุม ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่จะเข้ามาเป็นยอดขายและสร้างรายได้ประจำ (Recurring income) ให้กับบริษัทเพิ่มขึ้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงปลายปีนี้
สำหรับทิศทางผลประกอบการในปีนี้ นายกิตติพันธ์ กล่าวว่า บริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้จะเติบโต 20% ตามเป้า โดยช่วงครึ่งปีหลังยังคงเดินหน้าประมูลงานเสาส่งไฟฟ้าแรงดันสูงและงานวางสายอีก 7-8 โครงการ คาดหวังว่าจะได้รับงาน 1-2 โครงการ มูลค่าโครงการละ 100-200 ล้านบาท และบริษัทยังมีงานที่ชนะประมูลแล้วอีก 2 โครงการ อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา
ณ สิ้นเดือน ส.ค. 64 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ทั้งสิ้น 1,007 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปีนี้ที่ 351 ล้านบาท และในปี 65 ที่ 656 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในช่วงการขยายการลงทุนเพิ่มพื้นที่ให้บริการศูนย์จัดเก็บศูนย์ข้อมูล (Internet Data Center) อีกไม่น้อยกว่า 3,000 ตารางเมตร ซึ่งจะสามารถเพิ่มการให้บริการลูกค้าได้อีกไม่น้อยกว่า 1,000 ตู้ รองรับความต้องการของลูกค้า E-Commerce, เกมส์ออนไลน์ และการชำระเงินผ่านระบบออนไลน์เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเป็นผู้ให้บริการ Internet Data Center แบบครบวงจรอีกด้วย