นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA) เปิดเผยว่า บริษัทยังมั่นใจว่าจะดำเนินแผนงานได้ตามตั้งเป้าหมายในช่วง 5-7 ปี หรือภายในปี 66-68 จะเพิ่มยอดขายและกำไรเป็นเท่าตัว แม้ว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจะเผชิญกับปัจจัยกดดันจากสถานการณ์โควิด-19 แต่บริษัทยังคงเดินหน้าขยายยอดขายสินค้าเดิม รวมถึงลงทุนในผลิตภัณฑ์ยาและอาหารเสริมเพิ่มมากขึ้น เพื่อการรักษาโรคและการบำรุงสุขภาพให้มีความหลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงการลงทุนในประเทศอินโดนีเซียเพื่อขยายตลาดและเพิ่มยอดขายในอนาคตด้วย
แผนลงทุนของบริษัทยังเป็นไปตามที่วางงบไว้ราว 516 ล้านบาทในช่วงปี 64-65 โดยในประเทศไทยจะมีการลงทุนรองรับการเพิ่มรูปแบบยาและอาหารเสริมใหม่ และการควบรวมกิจการภายใต้งบ 345 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะใช้รองรับการลงทุนในอินโดนีเซียเป็นหลัก เพื่อเพิ่มรูปแบบยาและอาหารเสริม ขยายคลังสินค้า และก่อสร้างโรงงานใหม่
สำหรับภาพรวมของรายได้ในปี 64 ยังมั่นใจว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 6-10% โดยคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ตามความต้องการสินค้าเพื่อสุขภาพในกลุ่มอาหารเสริม จากการที่คนหันมาใส่ใจสุขภาพและให้ความสำคัญกับการป้องกันและสร้างภูมิต้นทานให้แข็งแรงมากขึ้นกว่าการใช้ยาเพื่อการรักษา ทำให้ตลาดอาหารเสริมเติบโตสูง และเติบโตมากกว่าตลาดยา เป็นปัจจัยหลักที่สามารถเข้ามาหนุนภาพรวมของผลการดำเนินในช่วงครึ่งปีหลังได้อย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากกัญชง บริษัทอยู่ระหว่างรอใบอนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐให้สามารถจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้ โดยที่บริษัทมีความพร้อมเจรจาข้อตกลงกับบริษัทจำหน่ายสารสกัดเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ไว้แล้ว ซึ่งบริษัทสนใจทำผลิตภัณฑ์ในรูปแบบสำเร็จรูปแบบเม็ดและเครื่องดื่ม
ด้าธุรกิจในเมียนมา หลังจากที่มีสถานการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อบริษัทเพียงเล็กน้อยในด้านการขนส่งและกระจายสินค้าที่ล่าช้า แต่เริ่มกลับมาเป็นปกติมากขึ้นหลังจากสถานการณ์ความไม่สงบคลี่คลายลง แต่ความต้องการสินค้าในเมียนมาและประเทศอื่นๆ ยังมีอยู่มาก ทำให้ปัจจุบันธุรกิจในเมียนมาเริ่มกลับมาฟื้นตัว และบริษัทยังสามารถบริหารจัดการให้เข้ากับสถานการณ์ได้อย่างดี เพราะทำธุรกิจในเมียนมามานานแล้ว ทำให้เข้าใจและปรับแผนให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้