SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,634.24 จุด ลดลง 2.21 จุด (-0.14%) มูลค่าการซื้อขายราว 49,743 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีแรงขายทำกำไรหุ้นใหญ่ กลุ่มแบงก์-พลังงาน หันไปเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางและเล็ก, กลุ่มส่งออก หลังเงินบาทอ่อนค่า ขณะที่นักลงทุนรอผลการประชุม ECB เก็งอาจลด QE และติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ แนวโน้มบ่ายนี้แกว่งบวก-ลบกรอบแคบต่อไป ให้แนวต้าน 1.640 จุด และ แนวรับ 1,630 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,634.24 จุด ลดลง 2.21 จุด (-0.14%) มูลค่าการซื้อขายราว 49,743 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้เคลื่อนไหวใทั้งในแดนบวกและแดนลบ โดยทำระดับสูงสุด 1,639.38 จุด และระดับต่ำสุด 1,628.33 จุด
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวในกรอบแคบหลังตลาดปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างเร็ว 100 กว่าจุดในช่วง 3 สัปดาห์ จึงเห็นแรงขายทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่ กลุ่มแบงก์และกลุ่มพลังงาน หันไปเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางและเล็ก ขณะเดียวกันก็มีแรงซื้อกลุ่มส่งออกรับอานิสงส์เงินบาทพลิกมาอ่อนค่า
นอกจากนี้ นักลงทุนยังอยู่ระหว่างรอผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 9 ก.ย.นี้ อาจส่งสัญญาณเริ่มปรับลด QE และรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ
แนวโน้มตลาดในช่วงบ่ายนี้ นายศราวุธ คาดว่าตลาดจะแก่วงตัวบวกลบในกรอบแคบต่อไป ให้แนวต้านที่ 1.640 จุด และ แนวรับที่ 1,630 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,454.37 ล้านบาท ปิดที่ 195.50 บาท ลดลง 2.00 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,276.36 ล้านบาท ปิดที่ 762.00 บาท เพิ่มขึ้น 20.00 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 1,213.76 ล้านบาท ปิดที่ 41.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
KCE มูลค่าการซื้อขาย 1,160.70 ล้านบาท ปิดที่ 79.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,137.84 ล้านบาท ปิดที่ 117.50 บาท ลดลง 1.00 บาท