(เพิ่มเติม) MINT เตรียมเสนอบอร์ดต้นปี 51 ออกหุ้นกู้ราวหมื่นลบ. ขยายธุรกิจรร.-อาหาร

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 19, 2007 18:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นางปรารถนา มโนมัยพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) คาดในช่วงต้นปี 51 จะเสนอคณะกรรมการบริษัทออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท และขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเม.ย.51 โดยคาดว่าจะสามารถออกหุ้นกู้ล็อดแรกในปลายปี 51 เพื่อนำไปลงทุนขยายธุรกิจโรงแรมและอาหาร รวมทั้งรีไฟแนนซ์
"ตอนนี้ วงเงินที่ขอออกหุ้นกู้ได้หมดแล้วล็อตสุดท้ายเมื่อกันยายน ที่ 3,900 ล้านบาท ดังนั้นต้องมีการขอวงเงินสำหรับรองรับการออกหุ้นกู้ในอนาคต โดยเบื้องต้นจะขอไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้าน และจะออกไดอย่างเร็วในช่วงปลายปี 51" นางปรารถนา กล่าว
ในปี 51 บริษัทมีแผนลงทุน 4 พันล้านบาทเพื่อขยายสาขาโรงแรม 4 แห่ง ที่โรงแรมอนันตรา ภูเก็ต, ที่เขาหลัก จ.พังงา , บาหลี และ มัลดีฟส์ รวมทั้งลงทุนขยายสาขาธุรกิจอาหาร
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมขยายแบรนด์อาหารเพิ่มอีก 1-2 แบรนด์ โดยเป็นแบรนด์ในแถบเอเชีย และยุโรป เพื่อต้องการเป็นผู้นำในธุรกิจอาหารในเอเชีย คาดว่าจะใช้เงินลงทุนซื้อแบรนด์ใหม่ ประมาณ 1 พันล้านบาท
"การขยายทั้งสองธุรกิจเพราะว่าเป็นธุรกิจหลักของบริษัท เราลงทุนต่อเนื่องเพื่อรองรับผลตอบแทนระยะยาว" นางปรารถนา กล่าว
นางปรารถนา คาดว่า ในปีหน้าธุรกิจอาหารจะเติบโตมากกว่าปี 50 ที่ตลาดรวมทรงตัวเหตุจากผู้บริโภคลดการใช้จ่าย แต่ในปีหน้าความเขื่อมั่นผู้บริโภคจะกลับมา โดยบริษัทจะพยายามปรับตัวด้วยการสร้างแบรนด์ที่หลากหลายและขยายสาขาแบรนด์ต่าง ๆ ในต่างประเทศ เน้นประเทศแถบเอเชีย ซึ่งประเทศหลัก ได้แก่ ประเทศจีน ซึ่งมีแผนจะเปิดสาขาเดอะพิซซ่า ซิสเลอร์ เลอแจ๊ส เป็นต้น ปัจจุบ้นสาขาร้านอาหารของบริษัทในจีนมี 32 สาขา และมีแผนจะเพิ่มเป็น 200 สาขาในปี 53
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะผลักดันให้การขยายสาขาทั้งจากบริษัทและการขายเฟรนไชส์ให้มีสัดส่วน 50:50 จากขณะนี้การขายเฟรนไชส์มีสัดส่วนเพียง 17% จากปัจจุบันมีสาขาในธุรกิจอาหารทุกแบรนด์ 653 สาขา โดยอยู่ในประเทศ 92% และ 8% อยู่ในต่างประเทศ
"MINT มีเป้าหมายเติบโตในธุรกิจอาหารอย่างต่อเนื่อง โดยเป้าหมายต่อไปจะเป็นผุ้นำในภูมิภาค เพื่อให้มีรายได้จากต่างประเทศมารองรับในอนาคต เพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดในประเทศ"นางปรารถนา กล่าว
นางปรารถนา กล่าวอีกว่า บริษัทยังลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นโรงแรมและอพาร์เม้นท์ ภายใต้ชื่อ St.Regis ซึ่งจะก่อสร้างเสร็จในไตรมาส 1/53 รวมทั้งรับบริหารธุรกิจโรงแรม เพราะมองว่ามีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยปี 51 บริษัทจะเข้าบริหารโรงแรมที่เมืองดูไบ และ เมืองอะบูดาบี
ส่วนกำไรสุทธิ ในปี 50 คาดว่าจะโต 20% จากปี 49 ตามเป้าหมาย หลังจากที่งวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 19%
ทั้งนี้ ในงวดปี 49 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1.28 พันล้านบาท และในงวด 9 เดือนปี 50 มีกำไรสุทธิ 1.05 พันล้านบาท
สำหรับไตรมาส 4/50 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จะสูงกว่าไตรมาส 3/50 เนื่องจากจะมีรายได้จากการขายวิลล่าที่สมุย 2 ยูนิตๆละ 113 ล้านบาทเข้ามา โดยคาดว่าจะมีกำไรยูนิตละอย่างน้อย 20 ล้านบาท
และ ในปี 51 คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิจะโต 15-20% ซึ่งเป็นไปตามแผนงานของธุรกิจในช่วง 5 ปี (ปี 48-53)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ