ตัวแทนของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย ของ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) และ บมจ.เอสทีพีแอนด์ไอ (STPI) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ STEC เข้ายื่นหนังสือต่อเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อร้องเรียนกรณีผู้บริหารของเครือ STEC มีการกระทำไม่โปร่งใส ไม่รักษาผลประโยชน์ผู้ลงทุนรายย่อย โดยขอให้ ก.ล.ต.พิจารณาดำเนินการเพื่อให้รับโทษตามกฎหมาย
นางน้ำทิพย์ วิชชุเกรียงไกร ตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อยของ STEC กล่าวว่า ผู้ถือหุ้นรายย่อยมากกว่า 35,000 รายของทั้ง 2 บริษัทอาจจะได้รับความเสียหายจากการการกระทำของคณะผู้บริหาร เนื่องจากในเดือน พ.ย.63 ที่ประชุมคณะกรรมการ STEC มีมติเข้าซื้อกิจการขายเครื่องจักร เครื่องมือก่อสร้าง จาก STPI โดยคณะกรรมการฯ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของ STEC ทั้งลดต้นทุนลง และส่งผลให้มีกำไรแบบก้าวกระโดด ทำให้ผู้ลงทุนเข้าไปซื้อหุ้น STEC และ STPI แต่ขณะนี้ผ่านไปเกือบครบปี ปรากฏว่ายังไม่มีการลงนามซื้อขาย และมีกระแสข่าวว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการยกเลิกมติดังกล่าว
ทั้งนี้ STEC เพิ่งแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ว่า จนมาถึงปัจจุบัน STEC ยังไม่ได้มีข้อตกลงใดๆ เพื่อการลงนามเกี่ยวกับเอกสารสำคัญต่างๆที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมดังกล่าวแต่อย่างใด" ซึ่งผู้ถือหุ้นรายย่อยเห็นว่าเป็นการผิดปกติของธุรกิจ และบริษัท คันทรี่กรุ๊ปแอดไวเซอรี่ จำกัด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาการเงินอิสระ เห็นด้วยกับข้อตกลงดังกล่าวว่ามีความสมเหตุสมผลและเกิดประโยชน์ ผู้ถือหุ้นของบริษัทควรมีมติอนุมัติรายการดังกล่าว อีกทั้ง ที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น STEC ก็มีมติเห็นด้วย 93.36%
นางน้ำทิพย์ กล่าวว่า จากการที่เป็นนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เชื่อข้อมูลของ STEC และ IFA จึงได้ลงทุนและถือครองหุ้น STEC มาตลอดจนถึงปัจจุบัน แต่หลังจากเรื่องยืดเยื้อมาเกือบปีจนถึงขณะนี้กลับไม่มีความคืบหน้า และมีความเป็นไปได้ว่า STEC อาจยกเลิกการซื้อกิจการดังกล่าว จึงเกรงว่าจะเกิดความเสียหายต่อการลงทุนในฐานะผู้ถือหุ้นรายย่อย และนักลงทุนรายย่อยอื่นๆ
และเนื่องจากกรณีนี้เป็นการซื้อขายหุ้นของกิจการในเครือ STEC ด้วยกัน จึงเกรงว่ากรณีนี้อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนและผลประโยชน์ระหว่างกัน(Conflict of interest) หรือร่วมกันให้ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ จึงขอให้เลขาธิการคณะกรรมการก.ล.ต.ได้เข้ามาพิจารณาตรวจสอบและสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว รวมทั้งให้ใช้อำนาจยับยั้งการกระทำผิด
และขอให้แจ้งต่อคณะกรรมการบริษัทได้ปฏิบัติตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น และปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนรายย่อย และ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยของ STEC ได้รับความเสียหาย ก็อาจมีความจำเป็นในการดำเนินคดีตามกฎหมาย