นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็กโซติค ฟู้ด (XO) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจผลประกอบการจะทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยกำไรสุทธิปี 64 จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 30-40% ตามการเติบโตของรายได้ที่คาดว่าจะสามารถเติบโต 10-15% และมีอัตรากำไรขั้นต้นมากกว่า 40%
บริษัทคาดว่าภาพรวมไตรมาส 3/64 และไตรมาส 4/64 จะเติบโตต่อเนื่อง หลังคำสั่งซื้อในมือยังอยู่ในระดับสูงถึง 400 ล้านบาท และจะสามารถทยอยส่งมอบไปยังลูกค้าได้ ในขณะเดียวกันริษัทยังมุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุนภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และได้รับผลกระทบจากคู่ค้าบางรายของบริษัทจัดส่งซัพพลายเชนเพื่อใช้ในการผลิตล่าช้ากว่าแผน ซึ่งเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มซอสกัญชง โดยคำสั่งซื้อล็อตแรกส่งออกในเดือน ก.ย. นี้ตามแผน ไปยังลูกค้าหลักในทวีปยุโรป คาดจะเป็นไฮไลท์ใหม่เขย่าตลาดซอสในต่างประเทศ และเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่องช่วงไตรมาส 1/65 ควบคู่การจัดทำกิจกรรมการตลาด และการขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาเริ่มอัดฉีดงบลงทุนจ่ายค่าแรกเข้า (Listing fee) เพื่อเพิ่มพื้นที่ขายสินค้ากลุ่มซอสในประเทศที่ขายดีอยู่แล้ว เช่นในกลุ่มทวีปยุโรป และเพื่อสร้างแบรนด์ สร้างการรับรู้ในประเทศที่เป็นโอกาส เช่น ประเทศจีน คาดจะสนับสนุนยอดขายสินค้ากลุ่มซอสที่มีอัตรากำไรสูงให้เติบโตอย่างแข็งแรงขึ้นในอนาคต
ในขณะเดียวกันบริษัทได้ใช้อัตรากำลังการผลิตในระดับสูงแตะระดับ 80% ในไตรมาส 2/64 ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำจากการล็อกราคาวัตถุดิบไว้ล่วงหน้าจนถึงปลายปี 65 ไว้แล้ว เป็นทิศทางเชิงบวกต่อภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังนี้
สำหรับแผนขยายกำลังการผลิต บริษัทได้มีการปรับปรุงไลน์การผลิตสินค้ากลุ่มซอสแบบขวดแก้วและขวดเพชรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สามารถรองรับคำสั่งซื้อที่จะเข้ามาได้เพิ่มขึ้น รวมทั้ง เตรียมขยายไลน์การผลิตสินค้ากลุ่มซอสอีก 1 ไลน์ในปี 65 และคาดจะแล้วเสร็จสามารถดำเนินการผลิตได้ในปี 66 สนับสนุนโอกาสการขยายพอร์ตสินค้ากลุ่มที่มีมาร์จิ้นสูงที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัท
"ในระหว่างทางแม้จะมีปัญหาจากปัจจัยภายนอกกระทบแผนการจัดส่งสินค้า แต่เราก็พยายามบริหารจัดการให้สถานการณ์ลุล่วงไปได้ และมั่นใจภาพรวมปีนี้จะสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ ส่วนปีหน้า เทรนด์ซอสส่งออกที่ขยายตัว เราจึงปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตด้วย" นายจิตติพร กล่าว
ด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวนนั้นไม่ได้เป็นผลกระทบกับบริษัท เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทมีการจำหน่ายสินค้าเป็นเงินบาทส่วนใหญ่