นายกวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น (KK) เปิดเผยว่า จากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงไตรมาส 3/64 ที่รุนแรงมากขึ้น แม้ว่าในปัจจุบันจะเริ่มมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลงมาบ้างแล้ว และภาครัฐมีการเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ลงแล้วก็ตาม แต่บริษัทมองว่าการล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อภาพรวมของการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะแผนการขยายสาขาที่บริษัทเลื่อนการเปิดสาขาใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ออกไปเปิดในปี 65 จำนวน 1 สาขา ทำให้ในปีนี้จะเปิดสาขาใหม่ลดลงเหลือ 2 สาขา โดยที่ในช่วงเดือน ธ.ค.64 จะเปิดสาขาใหม่อีก 1 แห่งที่เหลือ ซึ่งเป็นสาขาที่ 30 และในปี 65 จะกลับมาเปิดสาขาใหม่รวม 3 สาขาอีกครั้ง เน้นจังหวัดภาคใต้อื่นๆ เช่น ตรัง หลังจากบริษัทมีสาขาส่วนใหญ่อยู่ในสงขลาเป็นหลัก และได้ขยายไปยัง พัทลุง และสตูล แล้ว
สำหรับภาพรวมของยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าในช่วงไตรมาส 3/64 จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งหาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นพื้นที่สีแดง ทำให้มีมาตรการเข้ามาควบคุมเข้มงวด ส่งผลกระทบต่อการชะลอจับจ่ายใช้สอยของลูกค้า และมองว่าปัจจุบันกำลังซื้อของลูกค้าเริ่มมีจำกัดมากขึ้น ทำให้การฟื้นตัวกลับมาจับจ่ายใช้สอยยังไม่เห็นแนวโน้มว่าจะเร่งตัวกลับมาได้เร็วแต่จะเป็นลักษณะการทยอยฟื้นตัว ซึ่งจะเริ่มเห็นภาพที่ชัดขึ้นในช่วงไตรมาส 4/64 โดยปกติช่วงปลายปีจะมีการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลเป็นจำนวนมากจะทำให้ยอดขายจะกลับมาฟื้นอีกครั้ง
ขณะเดียวกันยังคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4/64 จะเป็นปัจจัยเข้ามาหนุนต่อการจับจ่ายใช้สอยกลับมา ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการช่วยผลักดันยอดขายของบริษัท อย่างในไตรมาส 2/64 ที่ผ่านมาที่มีโครงการเราชนะ และ ม.33 เรารักกัน ทำให้คนมีเงินมาจับจ่ายใช้สอยในร้านเพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายในปี 64 เติบโตขึ้นราว 20% จากปีก่อน
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการช่วยบริหารจัดการการดำเนินงานของบริษัทและสาขาต่างๆของบริษัท ทำให้สามารถลดต้นทุนการบริหารจัดการได้อย่างมาก รวมถึงการนำระบบสมาชิกมาใช้กับลูกค้า ทำให้บริษัทสามารถวางแผนการตลาดได้เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น ทำให้การใช้งบการตลาดมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในครึ่งแรกของปี 64 เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 13% จากปีก่อน 12% โดยกำไรสุทธิในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 15 ล้านบาท สูงกว่ากำไรทั้งปี 63 จึงเชื่อมั่นว่าปีนี้กำไรของบริษัทจะทำสถิติสูงสุดใหม่