นายบัณฑิต สะเพียรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในการนำเสนอหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ กรีนบอนด์ ซึ่งเป็นการออกหุ้นกู้ของบริษัทฯ สู่ตลาดตราสารหนี้เป็นครั้งแรก โดยได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเกือบ 3 เท่า โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการออกกรีนบอนด์นี้ ไปชำระคืนเงินกู้เดิมในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ และใช้สำหรับการพัฒนาและลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทในอนาคต
"จากการสำรวจความต้องการซื้อตราสารหนี้ (book building) พบว่า นักลงทุนได้ให้ความสนใจลงทุนเกือบ 3 เท่าของมูลค่าการเสนอขายหุ้นกู้ที่ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัทฯ ในการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของภูมิภาคเอเซีย ดังนั้น บริษัทฯ จึงตัดสินใจขยายวงเงินในการออกหุ้นกู้เพิ่มเติม รวมเป็น 12,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนให้ครอบคลุมทุกประเภท" นายบัณฑิตกล่าว
ทั้งนี้ หุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ กรีนบอนด์ ของบีซีพีจี ได้รับการสอบทานจากผู้ชำนาญการอิสระชั้นนำของโลกคือ DNV ว่า กรอบหลักเกณฑ์การระดมทุนสำหรับโครงการเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ เป็นไปตามมาตรฐาน Green Bond Principles และมาตรฐาน ASEAN Green Bond Standards และยังได้รับการรับรอง (Certification) จาก Climate Bonds Initiative (CBI) ซึ่งเป็นองค์กรส่งเสริมสิ่งแวดล้อมผ่านตราสารตลาดทุนของยุโรปว่าหุ้นกู้ดังกล่าว เป็นไปตามมาตรฐานตราสารหนี้ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Bonds Standard) V3.0 ของ CBI ซึ่งตอกย้ำถึงมาตรฐานกรีนบอนด์ระดับโลกของหุ้นกู้บริษัทฯ
ขณะเดียวกัน หุ้นกรีนบอนด์นี้ยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากทริสเรทติ้งที่ "A-" ซึ่งเท่ากับอันดับเครดิตขององค์กรที่ระดับ "A-" แนวโน้ม "คงที่"
สำหรับหุ้นกรีนบอนด์ มีทั้งหมดจำนวน 5 ชุด ประกอบด้วย
1) หุ้นกู้ อายุ 3 ปี วงเงิน 2,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1.64% ต่อปี
2) หุ้นกู้ อายุ 5 ปี วงเงิน 1,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2.14% ต่อปี
3) หุ้นกู้ อายุ 7 ปี วงเงิน 1,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2.51% ต่อปี
4) หุ้นกู้ อายุ 10 ปี วงเงิน 4,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3.31% ต่อปี
5) หุ้นกู้อายุ 12 ปี วงเงิน 4,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3.61% ต่อปี
ธนาคารกรุงเทพ และ บล.เกียรตินาคินภัทร เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย จะเปิดให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่จองซื้อในวันที่ 10 และ 13-14 ก.ย.64