ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท.สผ. ที่ระดับ "AAA" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนของบริษัทที่ระดับ "AA" ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันภายใต้โครงการออกหุ้นกู้ Medium-term Note Program (MTN) ปี 2564 ในวงเงินไม่เกิน 1.5 หมื่นล้านบาทที่ระดับ "AAA" ด้วยเช่นกัน
อันดันเครดิตเฉพาะของบริษัท (Stand-alone Credit Profile - SACP) ที่ระดับ "AAA" ยังคงสะท้อนถึงสถานะผู้นำในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทยของบริษัท ตลอดจนความเสี่ยงด้านการตลาดที่ต่ำเนื่องจากบริษัทมีสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติระยะยาวกับ บมจ. ปตท. (PTT) หรือ ปตท. รวมถึงต้นทุนในการผลิตที่ต่ำ นโยบายทางการเงินที่ระมัดระวัง และฐานะการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะของบริษัทที่เป็นบริษัทย่อยหลักของ ปตท. อีกด้วย ทั้งนี้ ปตท. และ ปตท.สผ. ต่างก็มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้กฎหมายไทย
ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 ดีกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ โดยบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานรวมเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหรือคิดเป็น 3.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อันเนื่องมาจากการมียอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 20% หรือคิดเป็น 4.13 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันและจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นที่ระดับ 3% หรือคิดเป็น 41.3 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจำนวน 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 60%-65% ของประมาณการที่ทริสเรทติ้งคาดไว้สำหรับปี 2564 ทั้งปี ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (ปรับปรุงด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) อยู่ในระดับดีที่ 1.5 เท่า ณ เดือนมิถุนายน 2564
ณ เดือนมิถุนายน 2564 บริษัทมีภาระหนี้เงินกู้ตามงบการเงินรวมที่จำนวน 3.78 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยประกอบด้วยหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนซึ่งเป็นหนี้เงินกู้ไม่มีหลักประกันของบริษัทย่อยมูลค่า 490 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้น อัตราส่วนของหนี้ที่มีลำดับในการได้ชำระคืนก่อนต่อภาระหนี้เงินกู้รวมทั้งหมดของบริษัทจึงอยู่ที่ระดับประมาณ 13% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่า ปตท.สผ. จะยังคงดำรงผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งต่อไปได้ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางการตลาดที่ท้าทาย
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง ปัจจัยที่จะมีผลในเชิงลบต่ออันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทอาจเกิดขึ้นได้หากราคาน้ำมันดิบยังคงตัวอยู่ในระดับต่ำกว่า 30 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือหากบริษัทมีภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการกู้ยืมเพื่อซื้อกิจการขนาดใหญ่ ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานะเครดิตของ ปตท. หรือความเชื่อมโยงระหว่าง ปตท. และ ปตท.สผ. ลดความสำคัญลงก็อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน